โรงพยาบาล มทส. ดัดแปลงตู้เก็บเสมหะผู้ป่วย ใช้คัดกรองผู้ป่วยต้องสงสัยการติดไวรัส COVID-19
28 มี.ค. 2563, 12:47
ศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มทส. ทำการติดตั้งและส่งมอบตู้เก็บสิ่งส่งตรวจจากการป้ายจมูกและลำคอเพื่อคัดกรองผู้ป่วยต้องสงสัยการติดไวรัส COVID-19 ที่ได้ดัดแปลงจากตู้เก็บเสมหะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่สิ่งแวดล้อม (TB Safety Cabinet for Respiratory Disease Specimen Collection) โดยมี อ. นพ.พฤฒิชัย วิสุเทพ อาจารย์ประจำสาขาวิชาอายุรศาสตร์ สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มทส. ประธานคณะกรรมการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล เป็นผู้รับมอบและทดสอบการใช้งาน
อ. นพ.พฤฒิชัย เปิดเผยถึงแนวคิดในการดัดแปลงตู้เก็บสิ่งตรวจจากการป้ายจมูกและลำคอดัดแปลงจากตู้เก็บเสมหะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่สิ่งแวดล้อมว่า เริ่มจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ต้องทำการคัดกรองผู้ป่วยตามเกณฑ์ความเสี่ยงและเกณฑ์ต้องสงสัยติดไวรัส COVID-19 โดยบุคลากรทางการแพทย์จะต้องทำการเก็บสิ่งส่งตรวจจากการป้ายจมูกและลำคอ (nasopharyngeal swab and throat swab) ซึ่งเป็นหัตถการที่เสี่ยงต่อการสัมผัสสารคัดหลั่ง เพิ่มโอกาสแพร่เชื้อในอากาศ และเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ป่วยสู่บุคลากรทางการแพทย์ ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันอุปกรณ์การป้องกันที่เรียกว่าหน้ากาก N95 หาได้ยากและขาดแคลน โจทย์ของเราคือจะทำอย่างไรให้ลดการแพร่กระจายและลดการใช้หน้ากาก N95 ได้ ทางโรงพยาบาลจึงได้ปรึกษาหลักการทำงานกับศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มทส. ในการดัดแปลงตู้เก็บเสมหะซึ่งใช้กับผู้ป่วยที่สงสัยโรคที่แพร่กระจายทางอากาศ (airborne transmission) เช่นเดียวกัน โดยอุปกรณ์ดังกล่าวมีคุณสมบัติในการดูดอากาศในตู้ผ่านตัวกรองเพื่อกำจัดเชื้อก่อนปล่อยอากาศสะอาดออกมา จึงมีคุณสมบัติป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้จากเดิมที่สามารถเก็บเสมหะได้เพียงอย่างเดียวให้เหมาะกับการใช้งานเก็บสิ่งส่งตรวจจากการป้ายจมูกและลำคอ โดยใช้อะคริลิคเป็นบานประตูและปรับให้เป็นช่องเพื่อติดถุงมือในการทำหัตถการ โดยให้ผู้ป่วยนั่งด้านใน ข้อดีที่เกิดขึ้นคือระหว่างที่ผู้ป่วยเข้าไปทำหัตถการในตู้ ละอองฝอยที่เกิดจากการทำหัตถการจะไม่ฟุ้งกระจายสู่สภาพแวดล้อมด้านนอก อากาศที่อยู่ในตู้ก็จะถูกดูดทำให้สะอาดก่อนปล่อยออกมาสู่สภาพแวดล้อม หลังจากผู้ป่วยใช้งานแล้วก็สามารถทำความสะอาดภายในตู้ได้ ทำให้ลดการกระจายเชื้อสู่บริเวณโดยรอบ ลดโอกาสการกระจายเชื้อสู่บุคลากรทางการแพทย์และลดการใช้หน้ากาก N95 ได้ ถึงแม้ว่าขณะนี้การระบาดยังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง โดยอาจมีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็อาจลดลงได้หากมีการร่วมมือกันของทุกฝ่าย ในส่วนของมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลมีความร่วมมือกันมาโดยตลอด อาทิ การจัดตั้งทีมเพื่อบูรณาการข้อมูล นำหลักการปฏิบัติแผนการดำเนินงานสู่หน้างานตลอดเวลาและปรับเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแบบรายวัน รวมถึงความร่วมมือของนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ได้จากมหาวิทยาลัยเข้ามาเติมความจำเป็นและความต้องการของบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าในท้ายที่สุดแม้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเราเชื่อว่าจะสามารถตามทันและดูแลให้เป็นไปในทางที่เหมาะสมได้