พะเยาพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส "โควิด-19" เพิ่มจำนวน 2 ราย
28 มี.ค. 2563, 16:53
วันที่ 28 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่า จังหวัดพะเยาพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 2 ราย ในพื้นที่อำเภอเชียงคำและอำเภอจุน จังหวัดพะเยา โดยผู้ป่วยทั้งสองรายมีประวัติเดินทางจากกรุงเทพมหานครกลับมาภูมิลำเนา ล่าสุดคณะกรรมการโรคติดต่อพะเยา เข้มสอบสวนโรคกับผู้สัมผัสผู้ป่วยอย่างเข้มข้น เพื่อการป้องกันการแพร่เชื้อ
นายกมล เชียงวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพะเยา ต้องออกมาแถลง หลังจังหวัดพะเยา พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 จำนวน 2 ราย และมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 35 ราย กลับบ้านแล้ว 31 ราย ยังอยู่โรงพยาบาล 4 ราย ผู้ป่วยยืนยันรายแรกของจังหวัด เป็นผู้ป่วยชายไทย อายุ 65 ปี ในพื้นที่อำเภอจุน มีประวัติการทำงานสถานบันเทิงย่านอโศก กรุงเทพมหานคร เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2563 ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ซื้อยามารับประทานเองและหยุดงานในบ้านพักของตนเอง เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาที่จังหวัดพะเยาด้วยรถยนต์ส่วนตัวพร้อมเพื่อนบ้านที่อยู่ในภูมิลำเนาเดียวกันและพักอยู่แต่ในบ้านที่อยู่อาศัย จากนั้นวันที่ 24 มีนาคม 2563 ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว จึงไปเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน จากนั้นถูกนำส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาล ผลการตรวจ พบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขณะนี้ผู้ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงทุกรายได้รับการกักตัวที่บ้าน เพื่อเฝ้าระวังโรคเป็นเวลา 14 วัน ส่วนผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นเพศหญิง อายุ 47 ปี ในพื้นที่อำเภอเชียงคำ มีประวัติการทำงานในสถานบริการร้านนวด ย่านกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยรถทัวร์โดยสารเส้นทางกรุงเทพ - เชียงของ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ถึงภูมิลำเนาวันที่ 23 มีนาคม 2563 ระหว่างวันที่ 23 – 27 มีนาคม 2563 ผู้ป่วยพักอยู่ที่บ้านตลอดและอาศัยอยู่คนเดียวในบ้าน จากนั้นวันที่ 27 มีนาคม 2563 ได้เข้ารับการตรวจและรักษาตัวที่โรงพยาบาล ผลการตรวจพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขณะนี้ผู้ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นการพบผู้ป่วยจำนวน 2 รายในพื้นที่ ซึ่งทางจังหวัดโดยทุกภาคส่วนได้มีการสอบสวนโรคอย่างเข้มข้นในช่วงนี้ และได้มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ยังย้ำอีกว่า ขอให้ผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันหรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด แยกกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน วัดอุณหภูมิร่างกายทุกวัน หากพบว่ามีไข้ร่วมกับอาการทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อยให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือแจ้ง 1669 ล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆปิดปากจมูกด้วยกระดาษทิชชูทุกครั้งที่ไอจาม หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดบุคคลอื่นในที่พักอาศัย
โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และอยู่ห่างจากคนอื่นไม่น้อยกว่า 1 - 2 เมตร หรือ 1 - 2 ช่วงแขน ใช้เวลาพบปะผู้อื่นให้สั้นที่สุด แยกห้องนอน แยกของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว จาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ โทรศัพท์ รวมทั้งให้แยกทำความสะอาด แยกน้ำดื่มเฉพาะ แยกสำรับอาหารไม่รับประทานอาหารร่วมกับคนในครอบครัว แยกขยะที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย เช่นหน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู ให้เก็บรวบรวมและทำลายเชื้อทุกวัน โดยใส่ถุงขยะ 2 ชั้น ทำลายเชื้อโดยราดด้วยน้ำยาฟอกขาว แล้วมัดปากถุงให้แน่น สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้สร้างสุขอนามัย ยึดหลัก “ลด เลี่ยง ดูแล” คือ ลดความเสี่ยงด้วยการล้างมือด้วยน้ำ และสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ให้บ่อยขึ้น หากรู้สึกไม่สบาย ไอ จาม ให้สวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดและพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้า