ชาวสวนราชบุรี โดนโควิด-19 ทำพิษ!! "องุ่น" สุกคาต้น ไร้คนกลางรับซื้อเสียหายยับ วอนภาครัฐช่วยเหลือ
30 มี.ค. 2563, 13:20
วันที่ 30 มี.ค. 63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เนื่องด้วยในสถานการณ์ปัจจุบันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ยังแพร่ระบาดและยังไม่มียารักษาออกมาอย่างเป็นทางการทำให้ประชาชนทั่วไป รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าต่างได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ รวมไปถึงเกษตรกรสวนผักและผลไม้ต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ที่ ต.ดอนใหญ่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี เกษตรกรกว่าสวนองุ่นกว่า 10 คน ได้รวมตัวกันโดยมี นายชัยโรจน์ เอกอัครอัญธรณ์ อดีต สจ.จังหวัดราชบุรี และเป็นเกษตรกรสวนองุ่น พร้อมด้วย นางดวงสมร พฤฑฒิกุล เกษตรจังหวัดราชบุรี เกษตรกรในพื้นที่ อ.บางแพ และอำเภอดำเนินสะดวก ที่ได้รับผลกระทบมาหารือเกี่ยวกับวิกฤติในช่วงนี้เพราะเนื่องจากไม่มีพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง หรือ โรงงานแปรรูปเข้ามาซื้อองุ่น ที่สวนของตนเอง ซึ่งในจังหวัดราชบุรี มีสวนองุ่นคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 742 ไร่ ปริมาณองุ่นในช่วงนี้ประมาณ 2,042 ตัน คิดเป็น 2 ล้านกว่า กิโลกรัม ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท มูลค่าความเสียหายถ้าขายไม่ได้ก็จะอยู่ที่ 100 ล้านบาทเศษ ส่งผลให้เกษตรกรในจังหวัดแทบจะเสียหายทั้งหมด จึงได้มาร่วมกันวางแนวทางแก้ไขอย่างเร็วเพราะว่าองุ่นเป็นผลไม้ที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้นานจะทำให้องุ่นสุกเกินไปและเน่าเสียได้ จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็ว ในส่วนของทางเกษตรจังหวัดราชบุรีได้ทำเพจประชารัฐสามัคคีราชบุรี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) มาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกองุ่น ในจังหวัดราชบุรี โดยจะรับซื้อองุ่นของเกษตรกร และนำไปขายให้กับผู้ที่สั่งซื้อในกล่องบรรจุอย่างดี กล่องละ 10 กิโลกรัม ส่งถึงหน้าบ้านเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนตรงนี้
นายประทีป ลีวัฒนาถาวรชัย เกษตรกรผู้ปลูกองุ่น พื้นที่ ต.ดอนกรวย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี กล่าวว่า ผมในฐานะเกษตรกรครหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ชาวสวนองุ่นเดือดร้อนกันทั้งหมดเลยครับ เพราะว่าพ่อค้าคนกลางไม่เข้ามาซื้อ ตลาดก็ขายยาก จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วย ที่รวมกันทั้งหมด 700 กว่าไร่ ผลิตผลก็ประมาณ 2,000 กว่าตัน ตีเป็นกิโลประมาณ 2 ล้านกว่ากิโลกรัม ช่วงนี้ขายได้น้อยมากๆ พอขายไม่ออก ผลผลิตก็จะเสีย ทำให้ได้รับผลกระทบมาก อยากจะให้ภาครัฐช่วยประสานกับทางโรงงานกับกระทรวอุตสาหกรรม ทั้งโรงงานพวกรีเจนซี่ หรือ โรงเหล้าอะไรแบบนี้ ที่เข้ามาช่วยรับซื้อผลผลิตได้ เพราะสามารถนำไปแปรรูปทำเป็นไวน์ พวกแอลกอฮอล์ได้ ก็จะสามารถช่วยระบายผลผลิตออกได้
นายชัยโรจน์ กล่าวว่า เนื่องจากเกิดวิกฤติโรคโควิด-19 ทำให้พ่อค้าแม่ค้านั้นไม่สามารถที่จะมาซื้อของในสวนได้ และไม่สามารถจำหน่ายที่ตลาดได้ ซึ่งเมื่อสองวันก่อนพี่น้องเกษตรกรก็มีการประสานกับทางภาครัฐ มีการประสานกับทางเกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ผู้ว่าฯ และ รองผู้ว่าฯ ได้ประสานไปเบื้องต้นแล้วขั้นตอนหนึ่ง และได้ทำหนังสือไปยังท่านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน และท่านผู้ช่วยปรึกษารัฐมนตรี ก็ได้ประสานโรงงานแอลกอฮอล์ รีเจนซี่ให้เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าฟาร์มยังไม่คืบหน้า และที่สำคัญตอนนี้เกษตรกรอยากจะให้ภาครัฐนั้น โดยเฉพาะกระทรวงเกษตร และกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เป็นคนกลางประสานกับโรงงานรีเจนซี่ เพื่อจะระบายผลผลิตองุ่นของเราเข้าสู่ตลาด เพื่อที่ไม่ให้มีการเสียหาย ก็อยากจะฝากภาครัฐให้ความช่วยเหลือที่จริงจังด้วย ตอนนี้ถือว่าช่วงเทศกาลนี้ เทศกาลเช็งเม้ง ส่วนมากเกษตรจะมาตัดแต่งช่วงนี้ออกเยอะที่สุด ตอนนี้ที่เหลือตกค้างประมาณ 1,000 กว่าตัน ถึง 2,000 ตัน ถ้าซื้อปลีกเราก็ไม่สามารถที่จะจำหน่ายได้เพราะว่าผลผลิตมันเยอะมาก มีทางเดียวคือต้องแปรรูป เพราะตอนนี้องุ่นอยู่ในขั้นวิกฤติแล้ว ถ้าปล่อยไว้อีกสักสองสามวัน มีการเสียหาย เน่าเสีย เพราะมันสุกงอม ต้องแปรรูปอย่างเดียว อยากให้ภาครัฐมาผลักดันเข้าโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อแปรรูป
นายชัยโรจน์ กล่าวอีกว่า ขอเป็นตัวแทนพี่น้องเกษตรกรของอำเภอดำเนิน และอำเภอบางแพอยากจะขอวิงวอนพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศช่วยกันอุดหนุน และสนับสนุน บริโภคองุ่นของชาวอำเภอดำเนินอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นองุ่นเขียว ไวท์ มาลาก้า ซึ่งตอนนี้ชาวสวนก็มีความเดือดร้อนที่ผลผลิตจำนวน 700 กว่าไร่ ก็อยากให้ภาครัฐมาช่วยดูแลพี่น้องเกษตรกรของเราอย่างจริงจังด้วย