เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



รมต.วธ. พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตาม โครงการวัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยวต้นไม้ใหญ่ รุก ข มรดก ของแผ่นดิน ทั้ง 2 แห่ง


1 ก.ค. 2562, 15:36



รมต.วธ. พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตาม โครงการวัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยวต้นไม้ใหญ่ รุก ข มรดก ของแผ่นดิน ทั้ง 2 แห่ง




วันนี้ (1 กรกฎาคม 2562) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี มอบหมายให้ นายสมเจตน์ จงศุภวิศาลกิจ รอง ผวจ.กาญจนบุรี  และกลุ่มชาวบ้านในชุมชนตำบลหวายเหนียวให้ต้อนรับ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานและเป็นประธานเปิดโครงการวัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยวต้นไม้ใหญ่ รุก ข มรดกของแผ่นดิน ต้นกร่าง (ศาลเจ้าตึก) ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

เมื่อ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางไปถึงได้เข้ากราบสักการะศาลเจ้าตึก และเดินเข้าชมการแสดงพื้นบ้านของนักเรียน ก่อนเปิดโครงการวัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยว จากนั้นได้ไปร่วมปล่อยพันธุ์ปลาลงในแหล่งน้ำหน้าศาลเจ้าตึก และเดินเยี่ยมชมชิมอาหารหวานคาว ซึ่งชาวชุมชนบ้านหวายเหนียว นำไปปรุงให้ได้ชิม รวมถึงชมงานฝีมือของในชุมชนที่นำออกไปแสดงในครั้งนี้

โอกาสนี้ นายวีระ โรขน์พจน์รัตน์ รมต. ได้กล่าวว่า ที่ลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามผลงานที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และป่าไม้ ที่เราได้ร่วมประกาศ รุก ข มรดกของแผ่นดินใต้ร่มพระบารมี โดยจังหวัดกาญจนบุรีได้ประกาศไว้คือ ต้นกร่างที่อยู่บริเวณศาลเจ้าตึก และยังมีต้นจามจุรียักษ์ ทั้ง 2 แห่งนี้เป็นรุกขมรดกของแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นทรัพยากรในด้านการท่องเที่ยวและเป็นองค์ความรู้ให้แก่ประชาชน เยาวชนทั้งหลายได้ศึกษาต่อไป ทั้ง 2 แห่ง ได้มีการพัฒนาได้จัดขึ้น ทะเบียนไปแล้วถึง 2 ครั้ง อีกทั้งมีการปรับปรุงพื้นที่รอบๆ ให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น พัฒนาพื้นที่ให้มีร้านค้าในชุมชน ได้มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าของท้องถิ่นแก่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชม โดยเฉพาะต้นจามจุรียักษ์ในค่ายทหารนั้นได้มีการจัดอันดับอยู่ในลำดับที่ 20 ของโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในโลกด้วย มีอายุมากกว่า 100 ปี ส่วนต้นกร่างศาลเจ้าตึก นี้มีอายุมากกว่า 300 ปี

และฝากให้คนกาญจนบุรี ให้รู้ด้วยว่าในจังหวัดกาญจนบุรี มีต้นทุนที่เป็นทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญ ฝากให้ช่วยกันดูแล ช่วยกันส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวจะได้สร้างรายได้สู่ชุมชนต่อไป สำหรับจังหวัดกาญจนบุรี ทราบว่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ทั้ง 2 ต้นนี้อยู่กำลังทำประวัติเพื่อให้ความรู้ความเป็นมาของต้นไม้นี้ ต่อไปภาครัฐก็จะเข้าไปพัฒนาให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงฝากเชิญชวนนักท่องเที่ยว เมื่อมาเที่ยวกาญจนบุรี ก็มาเที่ยวชมต้นไม้ทั้ง 2 ต้น นี้ซึ่งเป็นธรรมชาติสำคัญของแผ่นดิน

ส่วนนายสมศักดิ์ วงษ์ศีล อายุ 57 ปี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหวายเหนียว หมู่ 1 ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ผู้ดูแลศาลเจ้าตึก เล่าให้ฟังว่า ต้นกร่างดังกล่าวมีลำต้นขนาดใหญ่วัดรอบได้ 22 เมตร ประมาณ 17 คนโอบ ลำต้นสูงประมาณ 3 เมตร มีกิ่งก้านสาขาขนาดใหญ่แผ่คลุมพื้นที่กว้างประมาณ 1 ไร่ ใต้ฐานของรากต้นกร่างเป็นศาลเจ้าตึก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวตำบลหวายเหนียว และจังหวัดกาญจนบุรี โครงสร้างทำด้วยอิฐมอญ ซึ่งคาดว่าสร้างขึ้นมาจากฝีมือของพ่อค้าชาวจีน ในยุคสมัยก่อน ชาวบ้านเชื่อว่ามีอายุไม่น้อยกว่า 300 ปี โดยรากของต้นกร่างหล่อหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับศาลเจ้าตึกในโพรงไม้จนแยกออกจากกันไม่ได้ สำหรับศาลเจ้าหน้าที่ถูกสร้างให้หันหน้าไปทางทิศเหนือติดกับแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งบรรยากาศร่มรื่นเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับการมาไหว้ศาลเจ้าและนั่งพักผ่อนริมแม่น้ำแม่กลองเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ชาวบ้านในพื้นที่รวมทั้งเด็กๆ นักเรียน ได้อาศัยช่วงวันหยุดสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเก็บกวาดทำความสะอาด อีกทั้งยังพบว่ามีบรรดาพ่อค้าแม่ค้านำอาหารและผักผลไม้มากราบไหว้บนบานศาลเจ้าตึกอย่างต่อเนื่อง สำหรับศาลเจ้าตึกในโพรงไม้แห่งนี้ ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ที่ผ่านมามีสื่อมวลชนทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์มานำเสนอข่าวความเป็นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับการที่ชาวบ้านมาขอพรเพื่อให้ตนเองและครอบครัวมีโชคลาภ ซึ่งก็สมหวังกันแทบทุกราย จากการที่หลายคนถูกหวยรวยเบอร์ ยิ่งทำให้ศาลเจ้าตึกในโพรงไม้มีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ สิ่งที่ชาวบ้านไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนคือรากของต้นกร่างยักษ์ที่ขึ้นปกคลุมศาลเจ้าตึกที่อยู่ทางทิศใต้ หรือด้านหลังศาลเจ้าตึก มีอยู่หลายรากด้วยกัน ซึ่ง 1 ในนั้นมีลักษณะคล้ายกับหัวของลูกช้างน้อยที่โผล่ออกมาให้เห็นได้อย่างเด่นชัด โดยมีทั้งส่วนของหัว ส่วนของงวงที่ยื่นออกมารวมทั้งดวงตาขนาดเล็ก และปาก ยิ่งใช้สายตาจ้องนานเท่าไร รากดังกล่าวก็ยิ่งเหมือนช้างมากขึ้นไปทุกที

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนดูแลศาลเจ้าตึกแห่งนี้มานานหลายปี แต่ไม่เคยสังเกตดูรากของต้นกร่างมาก่อนเลย และเมื่อไม่นานมานี้เอง ขณะที่ตนกำลังเดินเล่นอยู่นั้น สายตาก็ได้ไปสะดุดกับรากต้นกร่างลักษณะแปลกตา จึงหยุดนิ่งแล้วมองจ้องเข้าไปที่รากแบบไม่กะพริบตา จึงรู้ว่ามีลักษณะเหมือนหัวของลูกช้างน้อยที่โผล่ออกมาจากศาลเจ้าตึก นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจากพื้นที่อื่นได้ถ่ายภาพเอาไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย จุดนี้ตนมองว่า จะสามารถพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี และหากหน่วยงานภาครัฐเข้ามาสนับสนุน จะทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้จากการขายพืชผลทางการเกษตรได้อีกทางหนึ่งด้วย

 

 



 


 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.