เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



โฆษกตร.แจงแนวทางปฏิบัติช่วงเคอร์ฟิว เตือนฝ่าฝืนเจอทั้งปรับทั้งคุก


3 เม.ย. 2563, 15:55



โฆษกตร.แจงแนวทางปฏิบัติช่วงเคอร์ฟิว เตือนฝ่าฝืนเจอทั้งปรับทั้งคุก




วันนี้ ( 3 เม.ย.63 ) ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลตำรวจโท ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงถึง ข้อแนะนำการปฏิบัติตัวของประชาชน ตามข้อกำหนดซึ่งออกตามความใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒)

พลตำรวจโท ปิยะฯ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีการออกข้อกำหนด ห้ามมิให้มีการออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา ๒๒.๐๐ น. ถึงเวลา ๐๔.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้น ทั่วราชอาณาจักร เว้นผู้ที่มีเหตุจำเป็น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๓ เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือเรียกกันว่า CURFEW นั้น ข้อกำหนดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาด และลดการสัญจรของพี่น้องประชาชน ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนชี้แจงทำความเข้าใจดังนี้ 

แนวทางการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
๑) เพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย กับผู้ที่ยังกระทำความผิดตามข้อกำหนดใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ , พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ , พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ การบิดเบือนข้อมูล การหลอกลวง การกักตุนสินค้า และการขายสินค้าเกินราคา เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชน

๒) ยกระดับ จุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดระหว่างจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร จำนวนกว่า ๔๐๐ แห่ง ทั่วประเทศ เป็นจุดตรวจเข้มแข็ง/จุดตรวจเคลื่อนที่/สายตรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว กระจายไปในทุกหมู่บ้าน/ตำบล เพื่อ
- ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและผู้กระทำความผิด 
- ควบคุมการเดินทางเฉพาะเท่าที่จำเป็น 
- และมีการร่วมปฏิบัติจากทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง สารวัตรทหาร และ กอ.รมน.จังหวัด เพื่อเสริมการทำงานของหน่วยงานด้านสาธารณสุขในการคัดกรองคนในพื้นที่ กระจายครอบคลุมทั่วประเทศ

พลตำรวจโท ปิยะฯ ยังฝากเตือนไปยังผู้ที่ยังคงฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ โดยยังรวมกลุ่มมั่วสุม เสพยาเสพติด เล่นการพนัน รวมกลุ่มแข่งรถในทาง ลักลอบเปิดสถานบริการ กักตุนสินค้าบริการ  การให้กู้ยืมเงินเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ ว่า 

รัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดย พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการ  ไปยังทุกสถานีตำรวจ ให้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว และให้รีบเสนอสำนวนมีความเห็นเสนอพนักงานอัยการสั่งฟ้องต่อศาล ขอให้ศาลลงโทษในสถานหนักและไม่รอการลงโทษ ในส่วนของกลางขอให้ศาลมีคำสั่งริบตามกฎหมายและผู้กระทำความผิดที่มีประวัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาก่อน ขอให้ลงโทษสถานหนักด้วย
พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า “ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือ ห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา ๒๒.๐๐-๐๔.๐๐ น. เว้นมีเหตุจำเป็น สำหรับในกรณีจังหวัดที่มีการออกประกาศ สั่ง ห้าม เตือน หรือแนะนำอื่นใดในลักษณะเดียวกันที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดกว่านี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นด้วย ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นให้แก่

๑) ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ 
๒) ผู้ปฏิบัติงานด้านการธนาคาร
๓) การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร 
๔) การขนส่ง ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์
๕) การขนส่งหนังสือพิมพ์ 
๖) การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง
๗) การขนส่งพัสดุภัณฑ์ 
๘) การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก
๙) การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศ 
๑๐) การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ
๑๑) การเดินทางมาหรือไปท่าอากาศยาน 
๑๒) เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของทางราชการ
๑๓) หรือผู้ที่มีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

โดยผู้ที่ฝ่าฝืน จะมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน ๒ ปี หรือปรับไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังจะต้องมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย จึงขอให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุม ป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคให้ได้โดยเร็ว” 









Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.