"หนุ่มบ้านเชียง" หายออกจากบ้าน 2 วัน เจออีกทีหลายเป็นศพอยู่ในคลอง พ่อเผยมีลางสังหรณ์ก่อนเกิดเหตุ
4 เม.ย. 2563, 13:30
วันนี้ (4 เม.ย.63) ผู้สื่อข่าวรายงาน มีชาวบ้านพบศพคนจมน้ำตายบริเวณคลองส่งน้ำนาคำ อยู่ด้านหลังวัดโพธิ์ศรีใน ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ต่อมา ร.ต.ท.ประชัน ไชยเสนา ตร.ตู้ยามบ้านเชียงและหน่วยกู้ภัยส่งเสริมธรรม จุดอ.หนองหานรุดไปตรวจสอบที่เกิดพร้อมกับแจ้งไปยัง พ.ต.ต.ณัฐพงษ์ ส่องโสม พนักงานสอบสวนสภ.หนองหานและแพทย์เวรเดินทางไปตรวจสอบ
โดยบริเวณคลองส่งน้ำของหมู่บ้านเชียง มีชาวบ้านทราบข่าวพากันมามุงดูจำนวนมาก แม้ช่วงนี้ จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ไทยมุงก็ไม่กลัวพากันใส่หน้ากากอนามัยเดินทางมามุงดูศพจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตร.ต้องแนะนำให้ยืนห่างๆ กันอยู่ อย่ายืนใกล้ชิดกัน
และเมื่อเจ้าหน้าที่ฯ มองไปดูในคลองส่งน้ำ พบร่างของผู้เสียชีวิตอยู่ในน้ำสภาพคว่ำหน้า ไม่สวมเสื้อ สวมแต่กางเกงสีดำตัวเดียว และบริเวณพื้นหลังมีรอยสักเต็มตัว ต่อมาหน่วยกู้ภัยส่งเสริมธรรมได้นำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมา สภาพศพขึ้นอืดจำเคล้าโครงเดิมไม่ได้ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน แพทย์รพ.หนองหานชันสูตรไม่พบร่องรอยของการต่อสู้คาดว่าเสียชีวิตเนื่องจากเมาแล้วไถลตกลงไปในคลองและจมน้ำตายญ าติไม่ติดใจเอาความ เจ้าหน้าที่จึงมอบศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ต่อนายนายประพันธ์ สิทธิพรหม อายุ 63 ปี เดินทางมาดูศพและยืนยันว่าผู้ตายคือนายภิญโญ สิทธิพรหมหรือ “ดิว” อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/1 บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของตนเอง โดยผู้ตายหายออกจากบ้านเกือบ 1 อาทิตย์แล้ว แต่เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนเองได้เข้าไปเอารถจยย.ที่ผู้ตายขับไปกินเหล้ากับเพื่อนในหมู่บ้านบ้านเชียง แต่ถามเพื่อนๆ บอกว่าไม่เห็น ตนเองคิดว่าลูกชายน่าจะเดินกลับบ้านเองและเดินลัดเลาะมาตามลำห้วย ด้วยความเมาอาจจะพลัดตกลงในคลองจนเสียชีวิต
นายประพันธ์ บอกอีกว่า ก่อนที่ลูกชายจะหายออกจากบ้านได้มีเรื่องทะเลาะกับตนเองบอกพ่อว่า มึงมานานตายคักแท้!!! จากนั้นลูกชายก็ขับรถหนีไปกินเหล้ากับเพื่อน แต่ก่อนลูกชายจะตาย ตนเองมีลางสังหรณ์เพราะตาด้านขวาของตนเองเขม่นมา 3-4 วันแล้วคิดว่าคงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ สุดท้ายก็เป็นเรื่องจริงเมื่อลูกชายมาจมน้ำเสียชีวิต ไม่น่าจะจากกันไปเลย แม้จะด่ากันทุกวันแต่ตนเองมีลูกชายคนเดียวก็ยังรักลูกชายคนนี้เพราะแม่เขาก็เสียชีวิตไปคนหนึ่งแล้ว นายประพันธ์กล่าวตอนท้าย