เรื่องเล่าจากคุณหมอ เผยความน่ากลัว นาทีเข้าสู่กระบวนการตายของผู้ป่วยโควิด-19 ที่คนเป็นหมอทำได้แค่ยืนดูด้วยหัวใจที่ทรมาน
6 เม.ย. 2563, 11:50
เกิดเป็นเรื่องราวที่กำลังเรียกน้ำตาจากผู้คนในโลกสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้ ต่อโพสต์จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Issariya Sukkeepun ได้ออกเล่าถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับนาทีชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ฉุกเฉิน ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ โดยเจ้าของโพสต์ระบุว่า เรื่องราวนี้ เป็นเรื่องเล่าจากคุณหมอท่านหนึ่ง เมื่อคืนก่อนมีคนไข้หนัก 2 - 3 คน ทุกคนนอนทรมาน พยายามหายใจเข้าออก ทุรนทุรายเพราะปอดไม่ทำงาน พยาบาลโทรมาตาม เข้าไปดูอาการ ก็ต้องเรียก code team ซึ่งปกติจะเป็นทีมฮีโร่ ถ้าทีมนี้มาคนไข้เรารอดแน่ แต่ไม่ใช่กับโควิด-19
สุดท้ายทีมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทางออกเดียวคือใส่ท่อช่วยหายใจ ถ้าคนไข้บอกไว้ก่อนแล้วว่าไม่ต้องการใส่ท่อ หรือปั๊มหัวใจ เราก็ได้แต่ให้ยามอร์ฟีน เพื่อให้คนไข้ไม่ทรมาน
Process of dying (กระบวนการตาย) นี่แหละคือความน่ากลัว ไม่มียาฆ่าไวรัส ไม่มียารักษา รักษาตามอาการ ยาที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็เหมือนเสี่ยงดวง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดวง คือทั้งทีมได้แต่ยืนมองคนไข้นอนทุรนทุราย กระเสือกกระสนต่อสู้เพื่อลมหายใจแต่ละเฮือก แต่ละเฮือกนั้นเป็นสิ่งที่แสนทารุณ ญาติ พี่ น้อง ลูก หลาน สามี ภรรยา ก็ไม่ได้ร่ำลา เป็นการตายที่โดดเดี่ยว และทรมาน
บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าคนไข้เหล่านี้จะกลัว และโดดเดี่ยวขนาดไหน ในช่วงเวลาสุดท้าย และลมหายใจสุดท้ายของชีวิต คนรักษาก็ได้แต่ยืนมอง แล้วก็ได้แต่คิดว่าวันนี้เราจะดวงดีเหมือนเมื่อวานไหม แล้วพรุ่งนี้ล่ะ
เรายืนมองคนไข้ ที่รู้ล่ะว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงเวลาที่เราจะออกกะ คือ 12 ชั่วโมง แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากให้ยากดประสาทเพื่อคนไข้จะได้ทรมานน้อยลง และหวังว่าจะจากไปอย่างสงบ
เหมือนเราไร้ค่า และไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่ร่ำเรียน ฝึกฝนมาไม่ได้ช่วยใครได้เลย คุณลองคิดดูว่าถ้าพ่อ แม่ พี่ น้อง หรือคนที่คุณรัก ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับคนไข้ของเราล่ะ ไปส่งกันที่โรงพยาบาล ลูบหน้า ลูบหลัง ลากัน แล้วนั่นคือสัมผัสสุดท้าย กอดสุดท้าย การลาครั้งสุดท้าย คุณยังไม่ได้สั่งเสีย ไม่ได้ขอโทษ ไม่ได้บอกรักกัน ไม่ได้บอกว่าคุณโชคดีที่ได้รู้จัก และได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นพ่อ แม่ ลูกกัน เป็นคนรักกัน เป็นเพื่อนกัน นี่แหละคือความทรมาน และปวดร้าวใจ
ตอนนี้ถึงเข้าใจว่าทำไมเราต้องให้อภัยกัน กอดกัน และบอกรักกันทุกวัน คุณโชคดีที่ได้นอนอยู่บ้าน มีอินเตอร์เน็ต มีหนังดู มีขนมกิน ได้อยู่กับครอบครัว ถ้าคุณอยากจะบ่น ก็ขอให้คิดถึงพวกเราที่โรงพยาบาล เราก็กลัว เราก็เหนื่อย เราก็ล้า และเราก็มีคนที่รักเรา รอเรากลับบ้านเหมือนคุณ เราก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้กล้าหาญอะไร ออกจะกลัวจนขึ้นสมองด้วยซ้ำ ถ้าเลือกได้เราก็ขอนอนดูหนังอยู่ที่บ้านเหมือนพวกคุณ เราก็ไม่อยากมาทำงานที่นอกจากจะต้อง พก PPE แล้วยังต้องมีพระเครื่องพวงใหญ่ที่พ่อแก้วแม่แก้วให้มาคุ้มครองปกป้องลูกน้อยที่ตอนนี้ก็ปาเข้าไป 40 กว่า
อยู่บ้านเถอะคุณ ถ้าคิดว่าตัวเองติดเชื้อก็อย่าโกหก กักตัวเองเถอะ อย่าเห็นแก่ตัว คุณอาจจะไม่เป็นอะไร คุณอาจจะไม่มีใครรัก หรือห่วงคุณ คุณอาจจะเห็นแก่ตัวไม่รัก และไม่ห่วงใคร แต่คนที่คุณเอาโรคไปติดเขานั้น เขาก็มีครอบครัวมีคนที่รักเขา เขาอาจจะเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นลูก เป็นเพื่อน ใครจะรู้เขาอาจจะเป็นคนเดียวที่หาเลี้ยงทั้งครอบครัว เขาอาจจะเป็นความหวังเดียวของพ่อแม่ที่แสนชรา หรือเป็นพ่อ หรือ แม่ เลี้ยงเดี่ยวของลูกพิการที่รออยู่ที่บ้าน เขาอาจจะมีกันแค่สองคนพี่น้อง
อยากจะขอร้องให้ทุกคนร่วมมือกัน ถ้าไม่คิดว่าทำเพื่อตัวเอง ก็ทำเพื่อคนอื่น หรือเพื่อชาติก็แล้วกัน