เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต ชี้แจง "หนุ่มฮังการี" เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ไม่บอกประวัติเสี่ยงโควิด-19 กักตัว 112 ราย


6 เม.ย. 2563, 17:34



ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต ชี้แจง "หนุ่มฮังการี" เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ไม่บอกประวัติเสี่ยงโควิด-19 กักตัว 112 ราย




ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายเเพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เปิดเผยว่า กรณีมีการโพสต์ข่าวและแชร์ข้อมูลการเสียชีวิตของชาวฮังการีในโซเชียลมีเดียว่า ในรายของชายชาวฮังการี อายุ 25 ปี ได้ประสบอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพศูนย์ช่วยเหลือนักท่องที่ยวองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต หรือศูนย์ไข่มุกได้ช่วยเหลือและนำส่ง มาจากที่เกิดเหตุ โดยส่งยังโรงพยาบาลฉลอง ในเวลาประมาณ 04.30 น. ของวันที่ 2 มีนาคม ได้ โดยมีอาการ วันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ในเวลาประมาณ 05.30 น. ได้นำส่งต่อมายังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งขณะนั้นผู้ป่วยยังรู้สึกตัว ยังพูด แขนขาอ่อนแรงทั้งสองข้าง และมีอาการมึนเมา โดยผู้ป่วยไม่ได้แจ้งประวัติความเสี่ยงติดต่อสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือประวัติการเดินทางมาพื้นที่เสี่ยงแต่อย่างใด

ซึ่งหลังจากมาถึงที่ รพ.วชิระภูเก็ต เจ้าหน้าที่ได้ทำการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย พบว่า กระดูกสันหลังต้นคอท่อนที่ 6 หัก และเส้นประสาทไขสันหลังบริเวณต้นคอได้รับบาดเจ็บ (ฉีกขาด) จึงได้ทำการผ่าตัดทันที ในเวลาประมาณบ่าย 15.30 น. ของวันที่ 25 มีนาคม 2563 โดยหมอสัญญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกระดูกสันหลัง 2 ท่าน รวมทั้งวิสัญญีแพทย์และพยาบาล หลังจากผ่าตัดผู้ป่วยรู้สึกตัวดี พูดคุยได้ แขนขาทั้งสองข้างยังขยับไม่ได้ เป็นผู้ป่วยที่นอนติดเตียง หลังจากนั้นคนไข้ก็ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยตลอด ต่อมาในวันที่ 27 มีนาคม มีการย้ายหวอดไปอีกตึกหนึ่ง ก่อนที่ในเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 28 มีนาคม คนไข้บ่นว่ามีอาการปวด แพทย์จึงให้ยาแก้ปวด และเริ่มทำกายภาพบำบัดเพื่อให้ร่างกายมีการฟื้นฟูแขนขา 



ต่อมาในวันที่ 29 มีนาคม เพื่อนจากซอยบางลา หาดป่าตองมาเยี่ยม ทำให้ทางทีมแพทย์เริ่มสงสัยว่าผู้ป่วยจะมีประวัติไปเที่ยวที่บางลามาหรือไม่ ก่อนทำการสอบถามอีกครั้ง เมื่อซักไปซักมาจนทราบว่าผู้ป่วยอยู่ที่บางลาประมาณ 2 สัปดาห์ และก่อนหน้าที่จะมาที่ภูเก็ตนั้นได้เดินทางมาจากประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้าน จึงสันนิษฐานว่าเป็นเคสที่มีความเสี่ยงต้องสงสัยโควิด-19 ทางแพทย์จึงได้ทำการตรวจวินิจฉัยโควิด-19 ในวันที่ 30 มีนาคม และผลออกมาวันที่ 31 มีนาคม พบว่าเป็นบวก จึงเข้าสู่กระบวนการทันที โดยพบว่าผู้ป่วยมีอาการไม่ค่อยดีมีอาการไข้สูงและหายใจลำบากขึ้นจนกระทั่งวันที่ 2 เมษายน ก็พบว่ามีการติดเชื้อในกระแสเลือด และในวันที่ 3 เมษายน ก็ยังมีอาการเป็นไข้เริ่มและมีอาการหยุดหายใจในเวลาประมาณ 02.40 น. ทีมแพทย์ได้ทำการปั๊มหัวใจช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถที่จะกู้ชีวิตผู้ป่วยได้

ทั้งนี้สรุปสาเหตุของการตายในเคสนี้ได้ว่า เกิดจากไขสันหลังบาดเจ็บ เนื่องจากกระดูกสันหลังสุดของต้นคอหัก จากอุบัติเหตุจราจร ร่วมด้วยอาการปอดอักเสบจากการติดเชื้อโควิด 19 รวมระยะเวลาการรักษาในโรงพยาบาล 10 วัน

อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจพอสมควร เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้แจ้งประวัติความสุ่มเสี่ยงโควิด-19 ตั้งแต่แรก ทำให้มีบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าไปช่วยเหลือกลายเป็นกลุ่มที่เสี่ยงสัมผัสเชื้อทั้งหมด โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีที่เข้าไปเกี่ยวข้องสัมผัสผู้ป่วยทั้งหมด 112 คน สัมผัสความเสี่ยงต่ำ 8 คน สัมผัสความเสี่ยงสูง 104 คน โดยใน 104 คน ให้พักเพื่อจะเก็บตัว 14 วัน แบ่งเป็นที่โรงแรมแกรนด์สุพิชฌาย์, มอ.ภูเก็ต และที่บ้าน รวม 104 คน และขณะนี้ได้รับการตรวจไปแล้ว 94 คน พบว่าผลเป็นลบ และรอตรวจอีก 18 คน


ทั้งนี้ เรื่องที่ต้องฝากไปถึงสื่อมวลชน เพื่อแจ้งไปถึงประชาชนและนักท่องเที่ยว หากรายใดที่มีประวัติชัดเจนขออย่าได้ปิดบังข้อมูล เพราะจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงจำนวนมาก นายแพทย์เฉลิมพงษ์กล่าว
 


ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเพิ่มเติมทราบว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 25 มีนาคม 2563 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต หรือศูนย์ไข่มุกได้รับแจ้งเหตุ นทท. ขับขี่รถ จยย. ล้มเองได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณซอย สามัคคีซอย 2 บ้านใสยวน ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งหลังรับแจ้งได้เดินทางไปตรวจสอบ เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จึงรีบปฐมพยาบาลก่อนนำส่ง รพ.ฉลอง ทั้งนี้ทราบชื่อคือ Mr.Kristof Lenart อายุ 25 ปี จากการสอบถาม ทราบว่าได้ขับขี่รถ จยย. พร้อมเพื่อนอีก 4 คน ก่อนรถ จยย. เสียหลักล้มเองได้รับบาดเจ็บ 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.