เรียกได้ว่าปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่หลายที่หลายแห่งต้องปิดบริการแบบ 100% ตามมาตรการของภาครัฐเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อร้ายดังกล่าว ส่งผลให้ขาดรายได้กันแทบจะทั้งหมด

โดยปางช้างแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวแบบเต็มๆ โดยต้องงดให้บริการนักท่องเที่ยวทุกกรณี ส่งผลให้เกิดวิกฤตทางด้านรายได้เพราะมีภาระต้องดูแลช้างทั้ง 78 เชือก ทั้งในเรื่องอาหาร และการเจ็บป่วย โดยในทุกวันปางช้างต้องนำเข้าอาหารช้างวันละถึง 15 ตัน เพื่อให้เพียงพอ และเพื่อสุขภาพที่ดีของช้างต้องมีอาหารหลายชนิดผสมปนเปกัน 

แต่ล่าสุดทางปางช้าง จะเริ่มใช้หญ้าแห้งผสมกับหญ้าป่าให้ช้างกินกันไปก่อน เป็นการเริ่มต้นปรับสูตร มีช้างส่วนหนึ่งที่ชราภาพและมีปัญหาเรื่องระบบการย่อยต้องกินหญ้าสดเท่านั้น และมีช้างแข็งแรงหลายเชือกพอที่จะกินหญ้าได้ทั้งสองแบบ ตามคำแนะนำและควบคุมของนายสัตวแพทย์ประจำปาง ที่ต้องรู้จักช้างและพฤติกรรมช้างเป็นอย่างดี สิ่งสำคัญมีทั้งวิธีการใช้หญ้าแห้ง ปริมาณหญ้าแห้งต่อเชือกและวิธีที่ควาญจะให้ช้างกิน วันนี้ขนหญ้าแห้งเข้าปางได้รวม 3,000 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 6 บาท และควาญช้างส่วนหนึ่งก็ยังออกไปตัดอ้อยในไร่เพื่อเป็นการประหยัดอีกทางหนึ่ง

ซึ่งนายสัตวแพทย์ รณชิต รุ่งศรี สัตวแพทย์ประจำปางช้างแม่สา ให้คำแนะนำการดูแลช้างที่ปางช้างแม่สาในช่วงนี้ ดังนี้
1.ให้ช้างได้อาบและกินน้ำให้มาก และบ่อยครั้งเนื่องจากอากาศร้อน
2.ให้อาหาร(หญ้าสด,ต้นข้าวโพด,อ้อย) ทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง
3.เฝ้าระวังภัยธรรมชาติ เช่นพายุลมแรง ต้นไม้หักโค่น อาจเกิดอันตรายต่อช้างและบ้านเรือน
4.ระวังฟืนไฟ อากาศร้อนและแห้งแล้ง อาจลุกลามเป็นไฟไหม้ป่าได้

อย่างไรก็ตามทางปางช้างแม่สา ยังคงเปิดรับบริจาคค่าอาหารช้าง และค่าดูแลของควาญช้างอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลงในเร็ววัน หากท่านใดประสงค์จะช่วยค่าอาหารช้างสามารถบริจาคได้ที่ มูลนิธิ อนุรักษ์ช้างไทย (ELEPHANT CONSERVATION FOUNDATION) ธนาคารกรุงเทพ สาขากาดสวนแก้ว เลขที่ 531-0-66551-7