"ยายบุรีรัมย์" ขายของเก็บเงินได้ 5,000 บาท เอาไว้ใช้ช่วงวิกฤตโควิด สุดท้ายถูกคนร้ายฉกไปต่อหน้าต่อตา
13 เม.ย. 2563, 07:38
วันที่ 12 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.อุดม พลทำ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 17 ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ว่า มีคนร้ายเข้ามาขโมยเงินของชาวบ้านแล้วหลบหนีไป ภายในบ้าน นางร่วม เยี่ยมรัมย์ หรือยายโฮม จึงรุดไปที่ตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนนิคมพงษ์เพชร บริเวณสี่แยกด้านหลังโรงพยาบาลสตึก เป็นบ้านสองชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน ปลูกเป็นเพิงร้านขายก๋วยเตี๋ยว พบนางร่วม เยี่ยมรัมย์ หรือยายโฮม อายุ 75 ปี หมู่ 17 ต.นิคม อ.สตึก เจ้าของบ้าน พร้อมให้การกับตำรวจว่า ปกติตนจะขายก๋วยเตี๋ยวและขนมจีน ที่เพิงใต้ต้นมะขามหน้าบ้านตัวเอง แต่วันนี้หยุดขาย เพราะช่วงหลังลูกค้าน้อยลง เนื่องจากได้รับผลกระทบโรคโควิด 19 จึงไม่กล้าลงทุนซื้อของมาขายอีก
วันนี้ว่างจึงมานั่งเล่นอยู่เพิงขายของหน้าบ้าน ช่วงบ่ายก่อนเกิดเหตุ ได้มีชายอายุ 30-40 ปี รูปร่างสันทัด ขับรถกระบะมาจอดข้างบ้านแล้วลงมาถามหาบ้านผู้ใหญ่บ้าน อ้างว่าเก็บโทรศัพท์ได้จะเอาไปฝากไว้ให้บ้านผู้ใหญ่บ้านประกาศหาเจ้าของ หลังจากบอกทางไปบ้านผู้ใหญ่บ้านให้กับชายคนดังกล่าวไปแล้วไม่นาน ได้มีรถกระบะสีดำ จำเลขทะเบียนตัวหน้าได้ 91 ไม่ทราบจังหวัด ขับมาจอดไว้ข้างบ้าน เพียงเสี้ยววินาที เห็นชายอีกคนเดินออกมาจากประตูหลังบ้านของตน แล้วรีบขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตนเห็นท่าไม่ค่อยดี จึงรีบไปดูเสื้อกันเปื้อนที่วางไว้อยู่แคร่หน้าบ้านก่อนหน้านี้ ซึ่งในกระเป๋าเสื้อกันเปื้อนจะเก็บเงินไว้จำนวน 5,000 บาท ปรากฏว่าเงินทั้งหมดได้หายไปแล้ว จึงรีบโทรแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ให้บอกตำรวจมาตรวจสอบ
ยายโฮม เล่าด้วยความเสียใจว่า ตนอยู่กับหลานสาวเพียง 2 คน มีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวและขนมจีน หลังจากได้รับข่าวสารว่ามีโรคโควิด 19 ระบาดในเมืองไทย และรัฐบาลได้ประกาศมาตรการออกมาหลายรอบ ตนคิดเสมอว่า หากเป็นโรคระบาดเหมือนสมัยก่อน คงจะต้องกักตุนอาหาร หรือเตรียมเงินไว้ใช้จ่าย จึงได้เก็บออมเงินที่ได้จากเบี้ยคนชรา และเงินหมุนเวียนขายของ ไว้ติดกับตัว ไม่กล้าเอาไปฝากธนาคาร มาถึงตอนนี้รู้สึกเสียใจ ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานอีกแค่ไหนจึงจะเก็บเงินได้อีก 5,000 บาท จึงอยากจะฝากให้ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายมาลงโทษให้ได้ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นกระบวนการ และคาดว่าจะวางแผนทำในลักษณะนี้ไปเรื่อย โดยอาศัยเลือกเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ตำรวจ สภ.สตึก ได้เร่งตรวจสอบกล้องจงจรปิดตามถนนสายต่างๆในเขตเทศบาลสตึกแล้ว เพื่อหาบุคคลต้องสงสัย แล้วติดตามตัวมาสอบสวนต่อไป //////