จากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 กำลังคร่าชีวิตคนทั่วโลกทุกวัน ทำให้เหล่านักวิจัยต้องทำงานหนัก เพื่อคิดค้นสูตรวัคซีน ที่สามารถฆ่าเชื้อสุดแสนร้ายกาจนี้ได้ อย่างที่ทราบกันว่า ไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้มาก่อน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาศึกษาอย่างละเอียด เพื่อจะได้จัดการได้อย่างเด็ดขาด

 

ซาราห์ กิลเบิร์ต ศาสตราจารย์ด้านวิทยาวัคซีน มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และหัวหน้าทีมนักวิจัยที่พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา ให้สัมภาษณ์กับ The Times ว่า เธอมีความมั่นใจ 80% ว่าวัคซีนที่ทีมของเธอกำลังพัฒนาอยู่นี้ จะประสบความสำเร็จในการปกป้องผู้คนจากโรคระบาดนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา ทีมวิจัยของเธอได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย และความเชื่อมั่นของเธอก็ไม่ใช่แค่ลางสังหรณ์ แต่มาจากข้อมูลมากมายที่ทีมวิจัยค้นพบในแต่ละสัปดาห์

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ กล่าวว่า วัคซีนต้องใช้เวลาพัฒนานานถึง 18 เดือน จึงจะสามารถแจกจ่ายไปทั่วโลกได้ แต่ศาสตราจารย์กิลเบิร์ตต้องการให้มีการเร่งขั้นตอนการทดสอบทางคลินิก โดยการปล่อยให้อาสาสมัครทดสอบวัคซีนติดเชื้อตามธรรมชาติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และอาสาสมัครจากพื้นที่ที่ไม่มีมาตรการล็อกดาวน์จะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

“หากผู้ที่มาจากพื้นที่ที่ไม่มีมาตรการล็อกดาวน์มีการแพร่เชื้อในอัตราสูง เราก็จะได้ผลการทดสอบที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางย่นระยะเวลาการทำงานของเรา” ศาสตราจารย์กิลเบิร์ตกล่าว

 

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์กิลเบิร์ตยังยอมรับว่า มาตรการล็อกดาวน์ทำให้การทำงานยากขึ้น แต่ทีมวิจัยก็ไม่ได้ต้องการใช้แนวทางภูมิคุ้มกันหมู่ เพราะอยากให้อาสาสมัครมีความไวต่อการติดเชื้อและติดเชื้อเพื่อให้สามารถทดสอบวัคซีนได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์กิลเบิร์ตระบุว่า การพัฒนาวัคซีนให้สำเร็จภายในเดือนกันยายนนั้น จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อการทดสอบทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งเธอก็เตือนว่าไม่มีใครสามารถให้สัญญาได้ว่าจะทำได้จริง

ส่วนผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ก็แสดงความเชื่อมั่นในคำกล่าวของศาสตราจารย์กิลเบิร์ต และยอมรับว่าทีมวิจัยของอ็อกซ์ฟอร์ดนั้นมีความก้าวหน้ามาก

เบรนแดน เวร็น ศาสตราจารย์ด้านพยาธิกำเนิดของจุลินทรีย์ จากวิทยาลัยอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อน ลอนดอน กล่าวว่า ด้วยความก้าวหน้าของทีมวิจัยจากอ็อกซ์ฟอร์ด ทำให้พวกเขาสามารถทดสอบและประเมินผลวัคซีนโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นการทดสอบในมนุษย์ ดังนั้น การค้นพบวัคซีนที่มีประสิทธิภาพภายในเดือนกันยายนก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจนัก