วันที่ 13 เม.ย.63 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายมงคล สินสมบูรณ์ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย และคณะทำงานศูนย์ EOC COVID-19 ระดับจังหวัดและอำเภอ ร่วมหารือถึงมาตรการการรับคนไทยในประเทศมาเลเซียกลับประเทศไทย และการช่วยเหลือคนไทยที่มีความประสงค์จะพำนักในประเทศมาเลเซีย ในห้วงที่ประเทศมาเลเซีย ประกาศล็อคดาวน์

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่เกิดวิกฤตไวรัส COVID-19 รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลช่วยเหลือประชาชนทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและในต่างประเทศ สำหรับคนไทยในประเทศมาเลเซียซึ่งคาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 7,000-8,000 คน ได้เตรียม 2 มาตรการ คือ ดำเนินการนำคนไทยกลับเข้ามาในประเทศมาเลเซีย ภายใต้เงื่อนไข คือ ต้องมีใบรับรองแพทย์ (Fit to Travel) และใบรับรองที่ออกโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู หรือสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง โดยที่จุดผ่านแดนถาวร ด่านสุไหงโก-ลก จะให้เดินทางมาได้วันละไม่เกิน 100 คน ซึ่งต้องเป็นคนไทยที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดปัตตานี เนื่องจากจะมีรถบริการส่งถึงศูนย์กักตัวของแต่ละจังหวัด

ส่วนมาตรการที่ 2 ในกรณีคนไทยในประเทศมาเลเซีย ที่ไม่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย และมีความประสงค์จะพำนักต่อในประเทศมาเลเซีย ก็จะมีหาแนวทางให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพุธที่ 15 เม.ย. นี้ ว่าจะสามารถช่วยเหลือในรูปแบบใด เพื่อพวกเขาสามารถดำรงชีพอยู่ได้จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 คลี่คลาย ยืนยันรัฐบาลไม่ทอดทิ้งคนไทยในประเทศมาเลเซีย โดยในระหว่างนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู หรือสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนังดูแลคนไทยในประเทศมาเลเซีย อย่างเต็มที่