รวบตัว "12 หนุ่มสาว" ดื่มเหล้ากันในรีสอร์ทบุรีรัมย์ พบเสพยา 1 ราย หลังเข้าพักเพื่อกักตัว 14 วัน
14 เม.ย. 2563, 14:36
วันที่ 14 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.นิติพัฒน์ กิตติจรัลชัย รองสารวัตร(สอบสวน)นำตัวผู้ถูกกล่าวหาผิด พรก.ฉุกเฉิน จำนวน 12 คน เป็นชาย 10 หญิง 2 คน ในจำนวนทั้งหมดมีชายอายุ 24 ปี เป็นลูกชายเจ้าของรีสอร์ทร่วมอยู่ด้วยมาสอบสวน
หลังจากฝ่ายปกครอง อ.กระสัง พร้อมตำรวจ สภ.กระสัง เข้าจับกุมขณะกำลังมั่วสุมกันดื่มสุรา และเสพยา ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน ต.สองชั้น อ.กระสัง เมื่อเวลา 21.00 น.(13 เม.ย. 63 )ที่ผ่านมา การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้หวังดี ว่ามีกลุ่มคนกว่า 10 คน กำลังรวมตัวกันดื่มสุราและเสพยาภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน
โดยหลังการจับกุมตำรวจได้ทำการตรวจปัสสาวะกลุ่มคนทั้งหมด พบมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่า 100 จำนวน 3 คน ตรวจพบสารเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) 1 ราย คือนายธีรพงษ์ อายุ 24 ปี เป็นลูกชายเจ้าของรีสอร์ท ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้มั่วสุมกันดื่มสุราจริง
น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปีหนึ่งในผู้ต้องหา เล่าว่า ตนกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยได้ลงทะเบียนผู้เดินทางมาจากต่างจังหวัด ไว้ที่ อสม.ในหมู่บ้านของตัวเองแล้ว แต่ไม่อยากให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนที่จะต้องโดนกักตัวไปด้วย จึงขอมากักตัวเองด้วยการเปิดห้องพักรีสอร์ทแห่งนี้เพียงคนเดียว ซึ่งได้พักมาเป็นวันที่ 4 แล้ว วันเกิดเหตุซึ่งเป็นวันสงกรานต์ ตนเองรู้สึกเหงา เพราะไม่ได้เล่นสงกรานต์เหมือนทุกปี จึงออกมานั่งเล่นระเบียงหน้าห้อง บังเอิญเห็นคนรู้จักกันข้างห้อง จึงนั่งคุยกัน จากนั้นได้มีผู้ที่พักห้องอื่น ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เห็นตนนั่งคุยกัน เลยทักทายในตอนกลางวัน พอช่วงเย็นก็เหงาอีก แต่ละห้องจึงโผล่หน้าออกมามองกัน โดยมีลูกชายเจ้าของรีสอร์ทมาทักทายด้วย ก่อนจะนัดแนะกันมาพูดคุยกัน บางคนมีเบียร์หรือเหล้าที่ติดมา เอามารวมกันแล้วนั่งดื่มกันเพื่อคลายเหงา ไม่ได้หวังจะสร้างความก่อกวนคนอื่นแต่อย่างใด
เมื่อตำรวจสอบถามว่า”การรวมตัวกันดังกล่าวของคนที่กลับมาจากกลุ่มเสี่ยง ไม่คิดจะกลัวการติดโรคโควิด 19 หรือไม่ ได้รับคำตอบว่าถ้ามีคนติด ก็คงติดด้วยกันทั้งหมด”
ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา”ผิดพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน( พรก.)2558 (ฉบับที่ 1)ข้อ 5 และคำสั่งสำนักนายยกรัฐมนตรีที่ 4/2563 คือห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ที่ห้ามข้อหา ร่วมกันชุมนุมมั่วสุมกันในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่เชื้อโรค ณ ที่ใดๆทั่วราชอาณาจักรฯ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ