"แม่ลูกศิษย์" เบี้ยวเงินกู้กยศ. วอนอาจารย์เห็นใจ ยันลูกกลับมาเคลียร์หนี้แน่นอน
16 เม.ย. 2563, 15:37
จากกรณีนางธนวรรณ ชุมแวงวาปี อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการครูเกษียณ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอุดรธานี (ชื่อเดิมสถาบันการพละศึกษาอุดรธานี ) อาศัยอยู่ที่บ้านหนองสวรรค์ ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้าร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน ที่ สภ.เมืองอุดรธานี ว่า เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้ น.ส.น้ำฝน หรือภัทรปภา พรมชาลี อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่เคยเรียนอยู่อุดรธานี ซึ่งเป็นลูกศิษย์เคยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอุดรธานี (ชื่อเดิมสถาบันการพละศึกษาอุดรธานี ) อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 12 บ้านคำเจริญ ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ. แต่เมื่อลูกศิษย์เรียนจบกลับไม่ใช้หนี้กองทุน ทำให้ถูกกรมบังคับคดีอายัดที่ดิน 53 ตารางวาบริเวณถนนรอบเมือง หน้าบขส.แห่งที่ 2 เขตเทศบาลนครอุดรธานี อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่เตรียมจะสร้างบ้าน ทำให้เดือดร้อนอย่างหนักเมื่อที่ดินเตรียมสร้างบ้านจะถูดยึดขายทอดตลาดแล้ว
นางธนธรรณ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้กำลังเดือดร้อนหนักเนื่องจากลูกศิษย์คือ น.ส.น้ำฝน หรือภัทรปภา พรมชาลี นักศึกษาชั้น ปวช.1 สมัยนั้น ซึ่งเป็นนักศึกษายากจน ตนเองได้เป็นคนค้ำประกันการกู้เงินกองทุน กยศ. ปีแรก 18,628 บาท ส่วนปีถัดมาจนถึงจบปริญญาตรีมีญาติของ น.ส.น้ำฝน เป็นคนค้ำ รวม ผู้ค้ำทั้งหมด 4 คน เงินกู้ทั้งหมด 159,195 บาท และหลังจากน.ส.น้ำฝนเรียนจบชั้น ปวส.และไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ตนก็ไม่เคยพบ น.ส.น้ำฝนอีกเลย กระทั่งรู้ข่าวไปทำงานนวดแผนโบราณที่ประเทศญี่ปุ่นและส่งเงินมาให้แม่ที่อ.กุดจับทุกเดือน
โดยความทุกข์ของนางธนธรรณ บอกอีกว่า หลังจากเกษียณอายุราชการ ตนมีความตั้งใจว่าจะกลับมา จ.อุดรธานี เพื่อจะมาสร้างบ้านบนที่ดิน 53 ตารางวา ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งได้ซื้อไว้ขณะรับราชการ หวังเป็นบ้านหลังเล็กๆ ไว้อยู่อาศัยในยามชรา แต่ปรากฏว่าเมื่อไปดูที่ดินแทบตกใจ เพราะหน้าแปลงที่เดินปรากฎว่ามีมีหนังสือของกรมบังคับคดี ติดประกาศไว้ที่รั้ว มายึดที่ดินแปลงนี้แล้ว เพื่อขายทอดตลาดตามราคาประเมิณตารางวาละ 1 หมื่นบาท 53 ตารางวา 5.3 แสนบาท ตนจึงไปสอบถามที่สำนักงานบังคับคดีอุดรธานี จึงทราบว่าเป็นคดีที่ กยศ.ฟ้อง น.ส.น้ำฝน ไม่ใช้หนี้ กยศ. รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย 238,583 บาท กระทั่งกรมบังคับคดีตามยึดทรัพย์ผู้ค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน รวมทั้งตนด้วย แต่ผู้ค้ำรายอื่นซึ่งเป็นญาติ น.ส.น้ำฝน ไม่มีทรัพย์สินให้อายัดหรือยึด บางคนก็เสียชีวิตแล้ว มีแต่ตนเพียงผู้เดียวที่มีทรัพย์สินจึงถูกอายัดที่ดินแปลงดังกล่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 69 หมู่ 12 บ้านคำเจริญ ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี พบกับนางบุญเพียง หรือบัวเงิน มูลปลัด อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นแม่ของน้ำฝน อาศัยอยู่บ้านกับน้องชายน้ำฝนเพียง 2 คน โดยนางบุญเพียงเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตกใจมากที่มาเกิดเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้นึกว่าทางน้ำฝนและอดีตแฟนสามีเก่าเขาใช้หนี้หมดแล้ว คือเท่าที่ตนทราบเรื่องนี้ รู้ว่าน้ำฝนซึ่งเป็นลูกสาวคนโตหลังจากไปทำงานนวดแผนโบราณที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลากว่า 10 ปีเขาก็ส่งเงินมาให้แม่ใช้เดือนละประมาณ 7,000 บาทและทราบอีกว่าได้ส่งเงินมาให้อดีตสามีเก่าไปใช้หนี้เงินกู้ กยศ.อีกด้วย ตนรู้แค่นี้ แต่ต่อมาเดือนนี้อาจารย์เก่าของน้ำฝนก็มาหาบอกว่าน้ำฝนไม่ใช้หนี้ที่ดินจะถูกยึด ทำให้ตนเองตกใจมาก โดยเบื้องต้นก็ได้วีดีโอคอลไปหาน้ำฝนที่ประเทศญี่ปุ่น เขาก็ยืนยันว่าส่งเงินมาให้อดีตแฟนเก่าไปใช้หนี้เงินกู้ กยศ.แต่ไม่รู้ว่าอดีตแฟนเขาไปใช้หรือเปล่า
นางบุญเพียง บอกอีกว่า เรื่องนี้ตนเองก็จะติดต่อน้ำฝนอีกครั้งเพื่อเคลียร์ให้มันจบ เรื่องเงินยืมเงินไม่อยากให้อาจารย์ลำบาก และอยากให้อาจารย์เข้าใจด้วยน้ำฝนคงจะจ่ายแน่นอน อยากให้ลูกกลับมาก่อนได้ไหมจะเคลียร์กันเรื่องเงินยืมเรียน แม่ไม่อยากจะยืมใครอีก แม้แม่ก็ไม่มีเงินจะจ่ายแต่รับปาก แม้ไม่มี ก็จะจ่ายและอยากให้อาจารย์เห็นใจและเข้าใจด้วย ตอนนี้ตนเองก็เป็นโรคความดันและเบาหวานพอได้ยินข่าวนี้ทำให้ความดันขึ้น แต่ตอนนี้ขอให้เรื่องไวรัสโควิดจบไปก่อน ทราบว่าตอนนี้น้ำฝนมีไข้ หมอให้กักตัวไม่รู้ว่าจะเป็นไวรัสโควิดหรือไม่ หลังจากนั้นนางบุญเพียงได้วีดีโอคอลไปหาน้ำฝน เพื่อสอบถามเรื่องหนี้เงินกู้กยศเพิ่มเติม แต่น.ส.น้ำฝนไม่รับ พร้อมกับเขียนข้อความมาทางแม่ว่า “อยู่โรงพยาบาล รับบ่ได้”
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปดูบริเวณที่ดินของนางธนธรรณ ขนาด 53 ตารางวา พบว่าตั้งอยู่ถนนรอบเมือง ตรงข้าม บขส.แห่งที่ 2 ซึ่งเป็นป่าต้นกระถินรกทึบ ซึ่งถือว่าเป็นที่ดินทำเลทองและมีราคาสูงเพราะติดถนนใหญ่และอยู่ในเมือง ส่วนป้ายติดประกาศของกรมบังคับคดีได้หลุดออกไปแล้ว