เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 16 เมย.63  ที่ รพ.ชุมพรเขตตอุดมศักดิ์ นายแพทย์พิทักษ์พล บุญยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11  เดินทางมาประชุม โดยนพ.อรุณ สัตยาพิศาล ผอ.รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ให้การต้อนรับ หลังจากนั้นได้กล่าว กับผู้สื่อข่าวว่า มาเยี่ยม จนท ที่ รพ.ชุมพรฯและ ประเมินสถานการณ์ที่เกิดและผลกระทบต่อผู้ป่วยเป็นอย่างไร เบื้องต้นทราบว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ผู้ป่วยอาการหนักก็จะได้รับยา”ฟาวิพิราเวียร” เป็นยาที่ดีที่สุดในเวลานี้ ก็นำมาใช้กับผู้ป่วย  และจะได้ส่งทีมแพทย์จาก กรมการแพทย์มาช่วยประเมินการรักษาและการป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น ป้องกันการสูญเสียชีวิต ดูว่าการสูญเสียการเสียชีวิตนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าแพทย์ของ รพ.ชุมพรไม่มั่นใจก็จะต้องปรึกษาหรือส่งต่อไปยังแพทย์ใน  รพ.ที่เหนือกว่า คือ สุราษฏร์ฯ แต่ทีมแพทย์ที่ส่งมาไม่ใช่มาช่วยด้านการรักษา และจะมาช่วยเรื่องระบบภายในของ รพ.ชุมพร เช่นการวางเตียง ระบบระบายอากาศ

ในส่วนการรักษาไม่มีปัญหาเพราะยังมี รพ.จังหวัดใกล้เคียงมาช่วยกัน ในวันนี้มีการปิด ห้องไอซียู เพราะระบบมีปัญหา เพื่อดูปัญหา เป็นการปิดชั่วคราว   ถ้ามีผู้ป่วยที่ต้องใช้บริการก็ยังมีทีมแพทย์ ที่ให้บริการและ ส่งต่อ รพ.ศูนย์ที่เป็นเครือข่ายในระดับจังหวัด และปิดตึกอายุรกรรมหญิง

กรณีที่มีผู้ติดเชื้่อ ใน รพ.ชุมพร  รพ.ชุมพรจะสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการว่าจะไม่ติดเชื้อออกไป นพ.พิทักษ์มล กล่าวว่า รพ.มีระบบการป้องกันการติดเชื้อ  แต่โควิด 19 เป็นโรคใหม่ จึงต้องมาหาว่า่มีจุดไหนที่ทำให้เชื้อรั่วไหล และเป็นเพราะอะไรกันแน่ และใช้เวลาไม่นาน ชาวบ้านมาใช้บริการได้ตามปกติ แต่ ต้องไม่ไปในจุดที่มีการห้าม ที่ไม่มั่นใจ ในรพ.ชุมพรฯ คือ ตึกอายุรกรรม และ ห้องไอซียู   เพราะเราไม่รู้ว่า เกิดจากอะไรแน่ อีกทั้งการติดเชื้อโควิดมีหลายทางมาก แต่ในจุดอื่นของ รพ.ชุมพร สามารถใช้บริการได้ตามทางด้าน นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร  นายแพทย์จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ สสจ.ชุมพร  กล่าวในรายการ ผวจ.พบ ปชช. ถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิท 19 จังหวัดชุมพรว่า ผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ในวันที่ 16 เมษายนอีก 2 รายรวมเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสมในจังหวัดชุมพรรวม 8 ราย รักษาหายแล้ว 1 รายในขณะนี้ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ 5 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลชุมพร 4 รายและส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีอีก 1 รายในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่เสียชีวิต 1 ราย นอกจากนั้นยังมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอีก 182 รายและรอผลการตรวจอีก 12 ราย

ในวันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย เป็นผู้ป่วยรายที่ 7 ของจังหวัดชุมพร เป็นผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 85 ปี มีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน ความดันโลหิต หลอดเลือดสมองอุดตัน เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลชุมพรเมื่อวันที่ 12 เมษายนด้วยอาการ ไอหอบเหนื่อยใส่ท่อช่วยหายใจเข้าห้องไอซียู ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน และส่งตรวจเชื้อโควิด ผลออกมา ว่า เป็นเชื้อโควิช เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 เมย และเสียชีวิตลงเมื่อ 01:00 น ของวันที่ 16 เมษายน และได้เผาศพเมื่อเวลา 11:00 น ที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองจังหวัดชุมพร

ผู้ป่วยรายที่ 7 ติดเชื้อจากผู้ป่วยรายที่ 2 ที่เสียชีวิตไปแล้ว คาดว่าได้รับเชื้อตั้งแต่ช่วงวันที่ 22 มีนาคมถึงวันที่ 2 เมษายน หลังจากรักษาโรคเดิมหายแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านจนถึงวันที่ 11 เมษายน ก็เริ่มมีอาการไข้และพบว่าติดเชื้อ ในเย็นวันที่ 15 เมษายน จนในช่วงดึกของวันที่ 16 เมษายนก็ได้เสียชีวิต

ส่วนผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วย รายที่ 7 ที่เสียชีวิตมีอยู่ทั้งสิ้น 61 ราย เป็นผู้ป่วยใกล้เคียงที่อยู่ใน ห้องเดียวกันที่โรงพยาบาลชุมพรทั้งสิ้น 8 รายนอกนั้นเป็นญาติพี่น้องของผู้ป่วยและผู้ที่อยู่ในชุมชนเดียวกับผู้ป่วย ซึ่งได้ดำเนินการในการสอบสวนโรคแล้วทั้งสิ้น

ส่วน ผู้ป่วยรายที่ 8 เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในการเฝ้าระวังในระบบเพราะเป็นผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงจากผู้ป่วยรายที่ 6 ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้ป่วยรายที่ 6 เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยรายที่ 6 อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเป็นผู้หญิงอายุ 34 ปีไม่มีโรคประจำตัว ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด ผู้ป่วยรายนี้ไม่มีอาการไข้แต่พบเชื้อโควิด เมื่อวันที่ 15 เมษายนเวลา 21:00 น และได้แจ้งให้กับผู้ป่วยได้รับทราบ และเข้าสู่การรักษาในการให้ยา และ เป็นผู้ที่มีผู้สัมผัสเชื้อเพียง 8 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 3 รายและผู้ที่อยู่ในบ้าน 3 รายและผู้ร่วมงานอีก 3 รายรวม 9 ราย