วันที่ 17 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์พึ่งพิง ฮีโร่ อาคารในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ร่วมกันส่งตัวผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศกลุ่มเสี่ยง (มาเลเซียและพม่า) ที่ผ่านการกักตัวในศูนย์พึ่งพิง ฮีโร่ อาคารในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ครบ 14 วัน จำนวน 16 ราย ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี และหน่วยงานอื่นๆ ที่ร่วมกันเฝ้าระวัง ผู้ถูกกักตัวกลุ่มแรกที่ครบกำหนดในวันนี้ มีจำนวน 16 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 2 ราย เพศหญิง 14 ราย โดยผลการตรวจสุขภาพร่างกายพบว่าทุกคนมีผลเป็นลบ negative ปลอดเชื้อ ไม่พบโรคโควิด-19 ซึ่งจะส่งตัวทุกคนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ท่ามกลางความดีใจของญาติๆ ที่มารอรับ

หญิงสาวรายหนึ่งที่กลับมาจากประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า ตนเองไปทำงานรับจ้างทั่วไปที่รัฐ KL ประเทศมาเลเซีย หลังโรคระบาดได้ขอเดินทางกลับกลับมาประเทศไทย ก่อนเดินทางกลับมาได้ถูกกักตัว 14 วัน ที่ประเทศมาเลเซีย กลับมาประเทศไทยก็ถูกกักตัวอีก 14 วัน หลังจากเข้ามาประเทศไทยก็ไม่รู้มาก่อนว่าจะต้องมาถูกกักตัวอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้เพราะก่อนที่จะเดินทางมาเราดูข่าวว่าสามารถกลับไปกักตัวได้ที่บ้านแต่ก็ไม่เป็นไรที่มากับตัวที่นี่รู้สึกว่าอบอุ่นดี เจ้าหน้าที่ให้ความและดูแลดีมาก เมื่อมาอยู่ที่นี่นั้นความอึดอัดมันก็มีบ้างแต่เราก็ต้องทำตามกฎ

 

โดยระหว่างกักตัวอยู่ที่ 14 วันนั้น ขอบอกเลยว่า อาหารที่นี่ดีมากมีไม่ซ้ำเมนูกันทุกมื้อ แต่ที่ชอบมากคือผัดกระเพรา ขอฝากไปยังผู้ที่กำลังจะเดินทางกลับมาประเทศไทยและกำลังจะเข้าศูนย์กับตัว 14 วัน ว่า เราควรทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อสังคม และส่วนตัว

ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ผู้ถูกกักตัวกลุ่มแรกที่ให้กลับบ้านวันนี้ เดินทางเข้ามายังศูนย์เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 วันนี้ครบ 14 วันของการกักตัวดูอาการแล้ว ผลการตรวจสุขภาพร่างกายพบว่าทุกคนมีผลเป็นลบ ปลอดเชื้อ ไม่พบโรคโควิด-19 ทั้งนี้ผู้ถูกปล่อยตัววันนี้สาธารสุขจะออกหนังสือรับรองการกักตัวครบ 14 วัน หน้ากากอนามัยแบบผ้า จำนวน 2 ชิ้น สเปรย์แอลกอฮอล์ ถุงยังชีพ และคู่มือการปฏิบัติตัวภายหลังกลับไปอยู่ที่บ้าน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้กักตัวทุกคน และได้เน้นย้ำให้ทุกคนระมัดระวังสุขภาพอย่างต่อเนื่องขณะที่กลับไปพักอาศัยอยู่ที่บ้าน และขอให้รักษาระยะห่างทางกายภาพ (Physical Distancing) เหมือนเดิม ซึ่งหากไม่ระวังตัวในขณะที่ไปในที่สาธารณะก็อาจจะติดเชื้อได้