เสียงเล็กๆจากบุคลากรการแพทย์ ยกเคสลูกชายแพร่เชื้อใส่พ่อ-แม่ชรา ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ล้มป่วยโควิด-19 อยากฝากสังคมให้คิด
17 เม.ย. 2563, 13:50
ถือเป็นอีกหนึ่งเสียงวอนขอจากบุคลากรทางการแพทย์เล็ก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งได้ออกโพสต์เฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า Aum Sureewan ระบายความอัดอั้น บอกกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ตำบลกุดน้ำใส อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น รายที่ 5 และรายที่ 6 คุณตา คุณยายสองสามีภรรยา ที่มีอาชีพทำนาอยู่ตามบ้านนอก หาเช้ากินค่ำ และมีโรคประจำตัว คือโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง
แล้วอยู่ดี ๆ วันหนึ่ง คุณตา คุณยาย ต้องมาป่วยด้วยโรคโควิด-19 ทั้งที่ภารกิจแต่ละวัน ก็เเค่ตื่นเช้าเดินลงทุ่งนา ตอนเย็นก็กลับบ้านนอน ชีวิตวนเวียนอยู่แค่นี้ สุดท้ายมันก็มีคนเห็นแก่ตัว มักง่าย ลูกชายแท้ ๆ ที่เอาเชื้อโรคมาแพร่ให้คนในบ้าน (ถ้าคุณจะบอกว่าคุณไม่รู้ คุณไม่ได้ตั้งใจ แต่ประวัติการเดินทางของคุณ มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว กลับจากต่างประเทศ กลับบ้าน เที่ยวพัทยา กลับบ้าน แม่ป่วย บุคลากรต้องกักตัวเอง เพราะคุณปกปิดข้อมูล
คุณรู้ไหมตอนนี้คุณยายอาการโคม่า คุณตายังตอบสนองได้ดีต่อการรักษา แต่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยทีมแพทย์ โรงพยาบาลขอนแก่น
ถือเป็นกรณีตัวอย่างได้ดีมาก ในเรื่องของการให้ความสำคัญ ของการกักตัวเอง 14 วัน อย่างเคร่งครัด และไม่ปกปิดข้อมูล
แต่ทำไมเวลาเจ้าหน้าที่ไปบอก หรือเตือน หรือแค่ขอความร่วมมือ เราต้องมาโดนคุณ (บางคน) ด่า ตะคอกใส่ ทุกครั้งที่ออกพื้นที่ไปหาคุณ เราแทบคลาน แทบหมอบ ไหว้ไปตั้งแต่ประตูบ้าน ไม่ใช่กลัวโรค แต่เราต้องการแสดงถึงความเป็นมิตร อยากลดความตื่นกลัว ตื่นตระหนก
แต่หลาย ๆ ครั้ง ที่เราต้องมาได้ยินคำพูดเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ยกตนข่มท่านใส่ ฉันไม่ได้ป่วย ฉันไม่มีไข้ ฉันตรวจมาแล้ว ฉันกักตัวมาแล้ว ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง มาบอกฉันให้กักตัวคุณไปบอกคนอื่นให้ได้ก่อน ทุกคำพูด ส่อไปถึงความเห็นแก่ตัวล้วน ๆ
แล้วเพราะคำพูดเหล่านี้ไหม ที่ทำให้พ่อแม่ คนที่คุณรัก อาจจะต้องมาเสียชีวิต เพราะความมักง่าย และเห็นแก่ตัวของคุณ
คุณคิดว่าการใส่ชุดแบบนี้ เดินตามบ้าน ทุ่งนา สวน กลางแดดเปรี้ยง ๆ มันสนุกนักหรอ คิดว่าเราอยากจะทำหรอ ดูเหมือนพวกเราไม่เดือดร้อน ไม่ได้รับผลกระทบ คุณคิดว่าพวกเราได้เบี้ยเลี้ยง ได้ค่าตอบแทนหรอ ไม่มีค่ะ ขนาดชุด วัสดุอุปกรณ์ ยังขอรับบริจาค แล้วตอนนี้คุณรู้ไหม บุคลากรทางการแพทย์ 1 คน ต้องดูแลประชากรหลักหมื่น คุณคิดว่าเราจะทนแรงต้านไหวไหม
แต่สุดท้ายแล้ว เราทุกคนก็ต้องสู้ต่อ เพราะมันคือหน้าที่ ไม่ไหวเมื่อไรก็แค่ตาย แต่..ฉันขอตาย โดยที่ให้ญาติได้นิมนต์พระมาสวด ให้ญาติได้เห็นหน้าฉันก่อนเผา ให้ญาติได้ยินเสียงฉันร่ำลา ให้เราได้กอดกันจนวินาทีสุดท้าย ฉันไม่อยากตายแบบโควิด-19 จากเสียงของบุคลากรเล็ก ๆ ที่นายอาจจะมองไม่เห็นคุณค่า
โพสต์นี้ไม่ได้มีเจตนาตำหนิใคร หรือว่าใคร แค่อยากยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน และอยากให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมา ให้นึกถึงคนที่เรารักให้มาก ๆ แค่อยากฝากไว้ให้คิด