ด่านเบตงรับ"แรงงานไทย"ในมาเลเซียรอบแรก 7 คนส่วนที่เหลือ 13 รายตรวจสอบเอกสาร
18 เม.ย. 2563, 13:13
วันที่ 18 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าวONB newsรายงานที่ด่านเบตงรับแรงงานไทยในมาเลเซียรอบแรก 7 คนส่วนที่เหลือ13คนตรวจสอบเอกสาร ย้ำขอให้วางใจมาตรการป้องกันโควิด19
นายอำเภอเบตง เจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แล ะหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเดินทางมารับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากมาเลเซีย ผ่านด่านเบตง ย้ำอำเภอเบตงเน้นมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด ขณะที่แรงงานไทยจำนวน 20 คนที่ยื่นเอกสารเดินทางกลับ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าแรงงานอีก 13 คนไม่มีใบรับรองแพทย์จึงต้องเดินทางกลับเพื่อยื่นขอใบรับรองแพทย์ ใหม่
วันที่ 18 เมษายน 2563 พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอเบตง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เบตง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ทหารจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เดินทางมารับแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียเดินกลับโดยเฉพาะเข้าทางด่านเบตง จะจำกัดให้เข้า วันละ 50 คน ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอเบตง กล่าวว่า โดยในวันนี้ตามที่เอกสารแจ้งมาจะมีแรงงานและนักศึกษา เดินทางรอบแรกจำนวน 20 คน แต่จากการตรวจสอบหลักฐานพบว่าในจำนวน 13 คนมีเอกสารไม่ครบโดยเฉพาะใบรับรองแพทย์ จากประเทศต้นทาง ส่วนอีกจำนวน 7 คน ตรวจสอบมีเอกสาร ใบรับรองแพทย์ ครบถ้วน ซึ่งแรงงานและนักศึกษาที่เดินทางกลับมาในวันนี้ ได้ทำงานและศึกษา อยู่ที่ รัฐปีนัง รัฐเคดาห์ และ รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย จากการตรวจสอบของ จนท.ตม.เบตง ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งภายหลังจากการตรวจสอบของ ตม.เบตงแล้ว จะมีกำลังเจ้าหน้าที่ อส.ตำรวจ ทหาร ตชด.445 บูรณาการในการเตรียมความพร้อม เช่น การจัดทำประวัติของแรงงาน การตรวจคัดกรองโรค และการจัดรถโดยสารเพื่อไปยังสถานที่กักตัวที่เตรียมไว้ ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด
โดยแรงงานรับจ้างที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดยะลาและพื้นที่ใกล้เคียง ให้ส่งตัวไปยังสถานที่กักตัวที่เตรียมไว้ภายในวันนี้ ส่วนแรงงานที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคอื่นให้นำมากักไว้ชั่วคราวที่อาคารหอพักสถาบันราชภัฎยะลา สาขาเบตง ก่อนส่งตัวกลับภูมิลำเนาเนื่องจากยังไม่ทราบจำนวนตัวเลขแรงงานที่แน่ชัดที่เดินทางเข้ามาทางด่านเบตง
พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอเบตง กล่าวอีกว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า ได้แจ้งมาให้ทางจังหวัดต่างๆที่มีชายแดนทั่วประเทศทราบว่า จะมีแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาในวันที่ 18 เมษายน 2563 นี้ ซึ่งจังหวัดภาคใต้มีแรงงานไทยเดินทางผ่านด่านสุไงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ด่านเบตง จังหวัดยะลา ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา และด่านตำมะลัง กับด่านวังประจัน ของจังหวัดสตูล โดยจะเดินทางผ่านจังหวัดละ 100 คนต่อวัน และด่านเบตง 50 คนต่อวัน โดยได้เริ่มทยอยเดินทางเข้ามาในวันนี้ สำหรับกลุ่มแรงงานที่จะเดินทางเข้าในพื้นที่นั้น จะต้องมีใบรับรองแพทย์ ได้รับใบรับรองจากสถานทูตหรือสถานกงสุล ประเทศมาเลเซีย และรายชื่อที่รับรองจากกระทรวงต่างประเทศ เป็นสำคัญ ซึ่งตอนนี้ได้กำหนดให้ทุกคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะต้องถูกนำไปกักตัวตามระบบ โดยอำเภอเบตงได้เตรียมสถานที่กักตัวตามภูมิลำเนาของกลุ่มแรงงานไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือกลุ่มคนที่ได้มีการตรวจคัดกรองโรคแล้วระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องมีการกักตัวไว้ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยอยู่ที่อาคารหอพักสถาบันราชภัฎยะลา สาขาเบตง และในวันนี้ได้มีพี่น้องแรงงานคนไทย เข้ามาถึงที่ด่านเบตงแล้วโดยมีเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เบตง นำเครื่องแฮนด์เฮลด์เทอร์โมมิเตอร์ (เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิแบบมือถือ หรือพกพา) ทำการตรวจคัดกรองก่อนว่ามีไข้หรือไม่ ถ้าตรวจวัดแล้วมีไข้หรือมีอาการที่เสี่ยงก็จะนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที หากไม่มีไข้ก็จะผ่านกระบวนการของตม. โดยจะมีเจ้าหน้าที่ มารับเพื่อไปกักตัวสถานที่ที่เตรียมไว้เพื่อดูอาการต่อไป
อย่างไรก็ตามทางภาครัฐก็จะดูแลแรงงานเหล่านี้อย่างดี ในฐานะที่เขาเป็นคนไทยที่เดินทางไปทำมาหากินต่างแดน ส่งเงินมาเพื่อดูแลเลี้ยงครอบครัว ได้อยู่ได้กินได้ใช้ สำหรับมาตรการกักตัวนั้นทางอำเภอเบตงได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยมีเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เบตง และคณะแพทย์จากโรงพยาบาลเบตง ควบคุมดูแลสุขภาพ ซึ่งหากเจ็บไข้ก็จะส่งตัวมายังโรงพยาบาลเบตง ทันที จึงขอให้พี่น้องได้ไว้วางใจในจุดนี้ นายอำเภอเบตง กล่าว
ด้าน น.ส.ประทุม ใจเที่ยง แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย บอกว่า ทางการมาเลเซียดูแลดีมาก โดยเฉพาะกุงสุลไทยในมาเลเซีย ประสานงานเรื่องเอกสาร ใบรับรองแพทย์ และขอขอบคุณกงสุลไทยในมาเลเซียด้วย ที่ทำให้ได้กลับบ้านเกิด
ขณะที่ น.ส.ลัดดา ชาลีเปี่ยม แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ที่รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย บอกว่า หากไม่ได้กงสุลไทยในปีนังคงจะไม่ได้กลับแน่ เพราะทางการมาเลเซียเข้มงวดมาก หากไม่มีครอบครัวอยู่ที่นั่น ลำบาก เพราะออกไปไหนไม่ได้ ด่านมีมาก และ ทางกงสุลไทย รัฐปีนัง ให้การดูแลเป็นอย่างดี ทั้งประสานงานกับทางการมาเลเซียจนได้เดินทางกลับมาในวันนี้