สุรินทร์ปล่อยตัวแล้ว 29 ชีวิต กลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดคนเสียชีวิต โควิด-19 หลังกักตัวครบ 14 วัน
19 เม.ย. 2563, 10:32
ปล่อยตัวแล้ว 29 คน กลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดคนตายจากไวรัสโคโลนา หรือโควิด-19 หลังกักตัวครบ 14 วัน พร้อมประกอบพิธีปะพรมน้ำมนต์และมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ไม่พบมีใครติดเชื้อ ขณะที่สุรินทร์ รักษาหาย 8 ราย ตาย 1 ตอนนี้ยังรักษามาตรฐานไม่มีผู้ติดเชื้อยังเป็น 0 ราย
วันนี้ (18 เม.ย.63) ที่โรงเรียนนิคมสร้างตนเองปราสาท 3 หมู่บ้านนิคม 3 ต.โคกสะอาด อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นายประภาส ศรีจันทร์เวียง นาย อ.ปราสาท พร้อมด้วย สาธารณสุขอำเภอ, นายก อบต.โคกสะอาด, อสม.ทุกหมู่บ้าน,ผู้นำชุมชน,จนท.ตำรวจ และชาวบ้านในพื้นที่ ต.โคกสะอาด ได้นิมนต์พระครูอภิรักษ์ ธีรคุณ เจ้าคณะ ต.โคกสะอาด มาประกอบพิธีประพรมน้ำมนต์ ให้กับชาวบ้านกลุ่มเสี่ยง จำนวน 29 คน ที่ถูกกักตัวภายในโรงเรียนนิคมสร้างตนเองปราสาท 3 จนครบ 14 วัน และได้มีการตรวจหาเชื้อในห้องแล๊ปครบทุกคนแล้ว ก็ไม่พบว่ามีใครติดเชื้อไวรัสโคโลนาหรือโควิด-19
และไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มสี่ยงใกล้ที่ใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคโคนา หรือโควิด-19 คือ นายนายอำพล พิลาดี อายุ 30 ปี ชาวบ้านตาเอกใหม่ ต.กันทรอม อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ โดยได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 4 เม.ย.63 ที่ผ่าน ด้วยโรคไวรัสโคโลนา โควิด-19 หลังเข้าพื้นที่หมู่บ้านนิคม 3 ต.โคกสะอาด เพื่อมาทำงานก่อสร้างบ้านให้กับ นายสุรศักดิ์ ใจพินิจ กำนัน ต.โคกสะอาด อำเภอปราสาท
โดยมีประวัติการเดินทางมาจากจังหวัดพัทลุง ซึ่งกำนัน ต.โคกสะอาด กลับไม่ยอมกักตัว ปล่อยให้ใช้ชีวิตตามปกติ ตระเวนกินเหล้าเมายาในหมู่บ้านก่อนจะมีอาการป่วย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล และเสียชีวิต และเกิดกลุ่มเสี่ยงจนถูกกักตัวดังกล่าว ซึ่ง กำนัน ต.โคกสะอาด ได้ถูกนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.สุรินทร์ สั่งให้พักหน้าที่ และตั้งกรรมการสอบ ทั้งทางวินัยและอาญา พร้อมสั่งปิดหมู่บ้านแห่งแรกของ จ.สุรินทร์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
หลังจากทำพิธีประพรมน้ำมนต์เสร็จ ก็ได้มีการให้ความรู้ในการปฏิบัติตัว และเฝ้าสังเกตอาการของตนเองต่อไป แม้จะกักตัวครบ 14 วันแล้วก็ตาม เพื่อความปลอดภัย พร้อมมีการมอบดอกไม้ดอกกุหลาบให้กำลังใจผู้ที่ถูกกักตัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ร่วมมือกันกับศูนย์อำนวยการ ศูนย์กักกัน อ.ปราสาท เพื่อสังเกตอาการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด2019 ร่วมกันในครั้งนี้