รวบ "หนุ่มแฮกเกอร์วัย 22" แฮกเฟซบุ๊กขอยืมเงินเพื่อน-คนรู้จัก สูญทรัพย์กว่า 8แสน
3 ก.ค. 2562, 15:17
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2562 ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รองผบก.สส.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวนภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นายณัฐกร หรือตี๋ นิ่มเรือง อายุ 22 ปี ชาวกทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ 408/2562 ลงวันที่ 1 ก.ค.62 ข้อหา"ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น และเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตราการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตราการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และทำให้เสียหาย ทำลายแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ" พร้อมของกลางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 1 ชุด เงินสด 50,000 บาท
สืบเนื่องมาจากเมื่อต้นปี 2562 ผู้เสียหายจำนวน 27 ราย มีภูมิลำเนาในจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบอาชีพ เภสัชกร พยาบาล ข้าราชการ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกแฮกเฟซบุ๊ก แล้วทำทีไปหลอกขอยืนเงินเพื่อน มีบางรายก็หลอกขอรหัสบัตรสำคัญ ต่าง ๆ ทางการเงินก่อน ขโมยเงินในบัญชีไป มีผู้เสียหายทั้งหมด 27 ราย สูญเงินรวมกันกว่า 8 แสนบาท หลังจากการสืบสวนสอบสวนก็พบว่าคนร้ายคือ นายณัฐกร ทางเจ้าหน้าที่จึงเสนอขอหมายจับศาล และบุกเข้าจับกุมตัวไว้ได้
พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผบก.สส.ภ.5 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาเรียนจบแค่ กศน. (ม.3) แต่มีความไฝ่รู้ ร่ำเรียนเทคโนโลยีทางยูทูป ตั้งแต่ปลายปี 61จนกระทั่งเชี่ยวชาญ พอต้นปี 62 ก็เริ่มก่อเหตุ โดยได้เลือกเหยือที่เป็นหญิงสาวหน้าตาดี โปรไฟล์ดี ตั้งแต่ฐานะ อาชีพการงาน โดยเฉพาะความมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น จากนั้นเมื่อแฮกเฟซบุ๊กของเหยื่อได้ ก็จะตรวจสอบข้อมูลคนสนิทคนใกล้เคียง ศึกษาวิธีการพูดคุยในโปรแกรมแซท ก่อนที่จะทำทีทักไปหาเพื่อน ๆ ว่าพบเจอภาพหลุด ภาพโป๊ ในเว๊ปนั้นเว๊ปนี้ ให้ลองเข้าไปดูตามลิงค์ เมื่อผู้เสียหายลงเชื่อ กดเข้าไปดูก็จะเป็นการมอบรหัสต่าง ๆ ให้กับผู้ต้องหาไปเลย
จากนั้นทำทีแชทไปขอความช่วยเหลือ อ้างว่าแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการเงินในมือถือเสียหาย ขอให้เพื่อนสนิทช่วยเหลือ ก่อนจะขอข้อมูลบัตรประชาชน หมายเลขบัญชี วันเดือนปีเกิด รหัสผ่านแอพพลิเคชั่นและเบอร์โทร เมื่อได้ข้อมูลตามมาแล้ว ก็จะนำข้อมูลดังกล่าวไปสมัครใช้งานแอพพลิเคชั่นธุรกรรมออนไลน์ในโทรศัพท์ของผู้ต้องหา โดยที่ไม่ต้องมีบัญชีของเหยื่อ อีกทั้งผู้ต้องหายังสามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ โดยไม่ต้องใช้บัตร ATM รวมถึงการใช้วงเงินในบัตรเครดิตของเหยือได้อีกด้วย บางรายก็จะถูกทักแชทว่า เดือนร้อนเรื่องเงินยืมเงินให้โอนมาด่วน หลายคนหลงเชื่อก็โอนเงินไปก็สูญเงินทันที โดยผู้ต้องหาหลอกเหยื่อสำเร็จในจังหวัดเชียงใหม่ 27 ราย ได้เงินกว่า 8 แสนบาทและที่ไม่สำเร็จอีกกว่า 100 ราย
ทางกองบังคับการสืบสวนภาค 5 ก็อยากฝากเตือนประชาชนหากพบเพื่อนสนิททักแซทมาขอยืมเงิน หรือขอข้อมูลทางการเงิน หรือข้อมูลบัตรสำคัญ อย่าให้ให้โทรไปสอบถามกับปากเพื่อนเพื่อยืนยันอีกครั้ง และในการเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ หากมีการขอกรอกรหัสสำคัญ ๆ ให้เข้าใจว่าโปรแกรมนั้นไม่ปลอดภัยควรหลีกเลี่ยง เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้อีก ทั้งนี้ยังมีลักษณะของคดีนี้อีกหลายคดี ทางชุดสืบสวนภาค 5 กำลังแกะรอย ตามจับมาดำเนินคดีตามกฏหมาย ถ้ามีความคืบหน้าจะมารายงานให้ทราบต่อไป