ผศ.เอกพงษ์ เผย หลังโควิด-19 หาย ประเทศไทยจะบูม และเนื้อหอมที่สุด
23 เม.ย. 2563, 12:49
ผศ.เอกพงษ์ ตรีตรง อดีตคณบดี คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ประเทศไทยกำลังจะบูมหลังโควิด แน่นอนครับ"
มีเนื้อหาว่า
"นักลงทุนต่างชาติต่างเห็นพ้องว่า ประเทศไทยปลอดภัยที่สุด เศรษฐีต่างชาติกำลังตัดสินใจย้ายที่พำนักมาอยู่ในประเทศที่มีระบบการดูแลรักษา ระบบการแพทย์และการพยาบาลที่ดีที่สุด ประเทศไทยคือทางเลือกอันดับต้นๆของโลกครับ ผู้สูงอายุจากหลายประเทศ สนใจที่จะย้ายมาพักระยาวกับประเทศที่มีระบบการดูแลมนุษย์ที่ดีอย่างมีระบบ
การสร้างเมืองใหม่ๆจะเกิดขึ้นในไทย การพัฒนาเศรษฐกิจจากคนรวยและเก่งจากทั้งโลกจะทำให้ประเทศไทยเนื้อหอมที่สุด และอาจจะเกิดขึ้นในทุกภูมิภาคเพราะปัจจัยบวกมากมายที่ประเทศไทยของเรามี เช่น ระบบการจัดการอาหารที่เป็นวงจรที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ทั้งระบบ เป็นดินแดนอาหารและครัวโลก เป็นแหล่งที่ไม่มีวันอดยาก และกันดารอาหารค่าครองชีพไม่สูง ดำรงชีพได้ไม่ยาก สังคมไม่สลับซับซ้อนยุ่งยาก
ระบบเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชการที่9 จะเป็นปรัชญาที่มีคุณค่าที่สุดในโลก ไทยคือศูนย์กลางแนวคิดที่จะมีคนในโลกเข้ามาศึกษาและต่อยอดสู่นวัตกรรมแห่งการอยู่ ยั่งยืนและปลอดภัย
สภาพอากาศที่ดี ต่อการอยู่อาศัย อากาศร้อนเป็นผลดี เพราะทำให้สถิติการแพร่เชื้อในลักษณะอากาศแบบนี้น้อย ระบบสมาร์ทฟาร์ม ระบบการออกแบบบ้านที่มีระบบการอยู่และสร้างนวัตกรรมในครัวเรือน สามารถสร้างสรรค์ได้ดีในประเทศ
การเป็นมิตร ความอารยะของคนไทย ส่วนใหญ่ เป็นผลบวกต่อการต้อนรับสิ่งดีดีจากทั้งโลก ระบบกฎหมายที่เปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในการลงทุนจากต่างชาติ ถือยังเป็นผลบวกไม่ยุ่งยากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ
มีอุปสรรคอยู่บ้างแต่สามารถแก้ได้ไม่ยากนัก และสามารถปลดล็อกได้เช่น EEC NEC อันมีผลต่อการเสริมสร้างโครงการดีดี
ผมขอเสนอไอเดียนี้กับรัฐบาลเพื่อให้เตรียมความพร้อมในการรองรับและควรมีระบบการบริหารจัดการในการสร้างเมืองเซฟโซน เมืองปลอดภัย เมืองไร้โรค เมืองใหม่ๆ กระจายตัวอยู่ในประเทศทุกจังหวัด มีการสนับสนุนให้เกิดการยกร่างกฎหมายใหม่ๆ ที่ให้โควตา คนเก่งและมีงบประมาณ ในการร่วมพัฒนาประเทศกับคนไทย
แต่ไม่ใช่การขายแผ่นดิน แต่ให้มุ่งเน้นการพัฒนาร่วมเฉพาะผู้มีศักยภาพจากทั้งโลกมาร่วมกันลงทุน อันจะมีเงินหมุนเวียนมหาศาล จากเงินทั้งโลก
และถือเป็นการยกระดับประเทศไปพร้อมกันสู่ประเทศพัฒนาแล้ว รัฐบาลควร จัดให้มีระบบการจัดการ ในช่วงเวลานี้ทั้งระบบ ที่วางแผนเตรียมการในการระดมทุนจากโพ้นทะเล
ควรมีการนำเสนอภาพลักษณ์เชิงความน่าลงทุนและศักยภาพที่ดีสู่สายตาชาวโลกตั้งแต่เนิ่นๆ ควรนำเสนอวิธีการใหม่ๆในการแถลงที่ทำให้คนไทยมีกำลังใจไม่ใช่ดูหดหู่
แนะนำให้เศรษฐีในไทยที่มีศักยภาพเร่งการลงทุนต่างๆที่มีผลต่อการสร้างงาน สร้างรายได้ โดยเฉพาะการสนับสนุนให้เกิดการกระจายการสร้างเมือง ที่ให้คนไทยได้มีพื้นที่อยู่สบาย
และการเลือกคนต่างชาติที่มีศักยภาพร่วมกันพัฒนาประเทศไปพร้อมกัน จริงๆแล้วไม่ใช่แค่เศรษฐี 20 ตระกูล แต่ควรหมายถึงศักยภาพของคนที่มีสายป่านทั้งหมด ที่ทุกคนต่างมีความสำเร็จในแผ่นดินนี้
ควรใช้เวลานี้ยกระดับ ทรัพยากรของชาติ ให้มีคุณค่ามากขึ้น ส่งเสริมระบบเอสเอ็มอีไทยให้เข้มแข็งด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ปัญญาประดิษฐ์ ส่งเสริมให้ธุรกิจเล็กๆรากหญ้าเข้าสู่ระบบการจัดการเพื่อประกันความเสี่ยง
เมื่อเกิดสภาวะวิกฤติสามารถมีระบบจ่ายเงินชดเชยได้ทุกคน ส่งเสริมให้เกิดการออมของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงระยะยาวให้มากที่สุด
ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าสู่แรงงานเสถียร ระบบแรงงานสำนักงานที่มีระบบประกันสังคม ให้มากที่สุด ส่งเสริมให้เกิดการสร้างพลังกับนายจ้างคุณภาพ ที่มีระบบให้เกิดความมั่นคง มีรากฐานดีทั้งระบบ
รัฐบาลควรมีกลไกส่งเสริมให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งทั้งระบบ และสนับสนุนเขาให้ลุกขึ้นเดินได้จากแพลทฟอร์มโครงสร้างที่ยอดเยี่ยมของสังคม!!!
ส่งเสริมให้คนในชนบท มีบ้านที่น่าอยู่ มีวงจรอาหารและการดำรงชีพที่แม้มีวิกฤติก็ไม่เดือดร้อน มีระบบพึ่งพาตัวเอง เช่น มีบ่อเลี้ยงปลา การเพาะพันธ์อาหาร ปลูกพืช ปลูกยาสมุนไพร ระบบการจัดการพลังงานพื้นฐาน และการอยู่อาศัยที่ไม่ต้องใช้เงินตราเป็นหลัก
ก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข และอาจต่อยอดสู่ การพัฒนาในผลิตภัณฑ์เอสเอ็มอีได้ด้วย
โอกาสนี้โอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทย ดินแดนสุวรรณภูมิ ดินแดนอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่บรรพบุรุษรักษาไว้ให้ลูกหลานเราถึงปัจจุบัน รัก และสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ คือทางออกครับ
ที่มา Akekapong Akekapong Treetrong