จากกรณี ศบค. หรือศูนย์สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส 2019 (โควิด 19) ที่ทำเนียบรัฐบาล แถลงข่าวเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ระบุ มีแรงงานต่างด้าว 42 ราย ติดเชื้อโควิท ภายในห้องกักตัว ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกเป็นผู้แถลง

ระบุมีแรงงานต่างด้าวทั้งหมดถูกกักตัวรอส่งกลับประเทศต้นทางเมือคดีสิ้นสุดด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา ส่งผลทำให้ยอดผู้ติดเชื้อจังหวัดงขลา เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด (44 ราย ยอดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 63)  

สืบเนื่องมาจากการใช้มาตรการเชิงรุก หลังพบ เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสงขลาปฏิบัติหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดาติดเชื้อโควิท 6 ราย ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสงขลา 1 ราย  เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา

ล่าสุดนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลาอุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการแกะไทม์ไลน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสงขลา ปฏิบัติหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา ทั้ง 6 นาย เคยเข้าเวรที่ห้องกักแห่งนี้ จึงสงเครือข่ายสุขภาพอำเภอสะเดา ซึ่งมีนายแพทย์สุวัฒน์ วิริยะพงษ์สุกิจ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะเดา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลคัดกรอง ทำให้พบ แรงงานต่างด้าว 47 ราย ซึ่งถูกกักตัวรอผลักดันกลับประเทศเมื่อสิ้นสุดคดี ติดเชื่อ 42 ราย ทำให้ต้องใช้ห้องกักแห่งนี้เป็นศูนย์รักษาชั่วคราว โดยจะส่งเครือข่ายสุขภาพอำเภอสะเดา เข้าปรับปรุงภูมิทัศน์และรักษาตามอาการ ตามระยะเวลาที่กระทรวงกำหนด

สำหรับแรงและคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียผ่านด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อวานนี้  94 ราย พบผู้เข้าข่ายเฝ้าระวัง 6 ราย ส่งตรวจวินิจฉัยโรงพยาบาลสะเดา 3 ปาดังเบซาร์ 3  ไม่พบเชื้อ โดยยอดติดเชื้อสะสมของจังหวัดสงขลายังคงอยู่ที่ 44 ราย (ไม่นับรวม 42 แรงงานด่างด้าวในห้องกักดังกล่าว)