ปลัด สธ. - ผอ.งบประมาณ มั่นใจดูแล ขรก.สธ. บรรจุใหม่ ไม่กระทบสิทธิบัตรทอง
25 เม.ย. 2563, 20:20
วันนี้ (25 เม.ย. 63) เวลา 12.40 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ร่วมไขข้อสงสัยกรณีบัตรทอง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย นายกรัฐมนตรีเห็นถึงความสำคัญทั้งการบรรจุเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรทางการแพทย์ และสิทธิการรักษาพยาบาลของประชาชน จึงเป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรี อนุมัติบุคลากรทางการแพทย์เป็นข้าราชการหลายตำแหน่ง ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเน้นการดูแลสุขภาพประชาชน ซึ่งหลายมาตรการ นายกรัฐมนตรีได้ลงมาบัญชาการเอง เพื่อที่จะดูแลทุกข์สุขของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสุขภาพ
โอกาสนี้ ผอ.สำนักงบประมาณ กล่าวถึงค่าใช้จ่ายตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 เพื่อให้การบรรจุพนักงานทางการแพทย์ซึ่งปัจจุบันมีอยู่เกือบ 40,000 คน มาบรรจุเป็นข้าราชการ ด้วยเป็นงบบุคลากรที่จะมาบรรจุเป็นข้าราชการใหม่ วิธีในทางปฏิบัติไม่สามารถโอนงบประมาณที่เป็นค่าจ้างพนักงานมาเป็นข้าราชการได้ทันที จึงต้องมีการโอนเป็นงบกลางก่อนจึงจะจัดสรรต่อเป็นงบบุคลากรของข้าราชการที่ได้รับการบรรจุใหม่
จากนั้น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมว่าจากมติ ครม. มองถึงบุคลากรทางการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขที่ช่วยในการดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำงานหนักมาตลอด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และบุคลากร จึงมีมติให้รับเป็นข้าราชการแบบเจาะจง คือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับโควิด-19 อยู่ แล้วรับเป็นข้าราชการโดยผ่านกระบวนการ ซึ่งบุคลากรเหล่านี้เป็นบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว ที่ทำงานในตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข พนักงานราชการ หรือลูกจ้าง ในแต่ละปีกระทรวงสาธารณสุขมีแหล่งรายได้ที่สำคัญคือมีงบประมาณ งบเงินเดือน จาก สปสช. กรมบัญชีกลาง สิทธิข้าราชการ และประกันสังคม ตลอดจนผู้ป่วยที่บริจาคให้ ทุกต้นปีจะมีการกำหนดเงินเดือนและมีงบประมาณจากแหล่งที่มาทั้งหลายที่กล่าวมาแล้ว เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือน เรียกว่า เงินนอกงบประมาณ ประกอบกับที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้ได้ทำงานหนักและเสียสละ คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติให้มีอัตราพิเศษเจาะจง คือรับจากคนที่ทำงานอยู่แล้ว 100% คือกลุ่มที่เป็นลูกจ้างอยู่แล้ว แหล่งที่มาของเงินเดือนที่เป็นงบนอกงบประมาณต้องปรับมาเป็นงบประมาณแผ่นดิน กระทรวงสาธารณสุขมีแหล่งเงินเตรียมพร้อมที่จะดูแลบุคลากรทางการแพทย์ที่จะรับการบรรจุเข้ามาแล้ว ในส่วนของบัตรทองเองไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าผู้ที่ใช้สิทธิบนบัตรทองยังมีสิทธิเท่าเดิม ได้รับการรักษาดูแลตามเดิมทั้งหมด
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขยังมีการเตรียมงบประมาณจากแหล่งต่างๆ ตลอดจนเงินบริจาค เงินบำรุงโรงพยาบาล จัดสรรใช้เป็นค่าจ้างบุคคลากร ค่ารักษาพยาบาล ค่ายา เครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ สำหรับบัตรทองก็ใช้ตามระบบปกติโดยสาธารณสุขจ่ายให้โรงพยาบาล เพื่อเข้าส่วนของเงินบำรุงโรงพยาบาลอีกทีหนึ่ง จากการที่คณะรัฐมนตรีบรรจุข้าราชการสาธารณสุขเพิ่มเติม ยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจและทำให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพในการทำงานในอนาคตที่ดีขึ้น เพื่อรับใช้ดูแลพี่น้องประชาชน จากงบบัตรทอง 10,000 ล้านบาท ใช้ในการส่งเสริมป้องกันโรคอีก 50,000 ล้านบาท ดูแลผู้ป่วยนอกอีก 50,000 ล้านบาท ดูแลผู้ป่วยในภาวะโควิด-19 ระบาดอีก 10,000 ล้านบาท ครม.ได้อนุมัติงบกลาง 3000 ล้านบาท ให้ สปสช.เพิ่มเติม เป็นการเพิ่มศักยภาพเพิ่มจากเงินเดิมที่ได้รับการสนับสนุนงบกลางในการดูแลผู้ป่วย นำไปพัฒนาปรับปรุงในส่วนต่าง ๆ เช่น ห้องปลอดเชื้อ เครื่องมืออุปกรณ์ หรือซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ตลอดจนมีหัตถการต่าง ๆ มีการจัดการส่งยาถึงบ้าน ติดต่อเพื่อการทำหมอครอบครัวดูแลคนไข้ตามบ้าน เป็นบริการเพิ่มเติม ขอให้มั่นใจว่าการดูแลคนไข้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและจะดีขึ้น งบประมาณไม่ได้น้อยลง เงินที่ได้รับมา 110,000 ล้านบาท เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนไม่ได้น้อยลงจากเดิม
ช่วงท้าย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังย้ำว่า นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายและสั่งการวิธีการจัดทำงบประมาณ ต้องจัดสรรไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะการเข้ารับสิทธิของการรักษาพยาบาลจากบัตรทอง ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์เป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมต่อสู้กับสงครามโรค ต้องดูแลอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ โดยให้ความสำคัญกับปัญหา ข้อกังวลของประชาชน สั่งให้ชี้แจงเร่งสร้างความชัดเจนทันที หากประชาชนยังคงสงสัยสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 1111 ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังจากทุกภาคส่วน
ที่มา thaigov
ภาพจาก hfocus