เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"ป้าฟอกไต" เข้าทำเรื่องขอถอนแจ้งความ "หนุ่มเวรเปล" วอนให้ธนาคารเร่งออกหนังสือ เพื่อจบคดี


27 เม.ย. 2563, 17:47



"ป้าฟอกไต" เข้าทำเรื่องขอถอนแจ้งความ "หนุ่มเวรเปล" วอนให้ธนาคารเร่งออกหนังสือ เพื่อจบคดี




วันที่ 27 เม.ย.63 เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ อายุ 54 ปี พร้อม นายธนิต (ต้น) ชาญเดชสิทธิกุล อายุ 34 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พนักงานเปลโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และ น.ส.สุวลักษณ์ ทรงรัมย์ อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เดินทางมาพบ ร.ต.อ. อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อขอถอนแจ้งความ หลัง น.ส.สุนันท์ แจ้งความเอาผิด นายธนิต หรือ ต้น เจ้าหน้าที่เวรเปล โรงพยาบาลรามบุรีรัมย์ ฐานลักทรัพย์ ระหว่างที่วานให้ไปกดเงินที่ตู้  ATM หน้าโรงพยาบาล แล้วเงินได้หายจากบัญชีไป 5,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยต่อมาเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ความจริงได้ปรากฏว่า ทั้งหมดเป็นความผิดพลาดทางระบบของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ตัดยอดบัญชีระหว่างกดเงิน แต่เงินไม่ออกมาตามคำสั่งของคนกดเงิน 

โดย ร.ต.อ.อนุเปรม ทุมนานอก เจ้าของคดี ได้ชี้แจงว่า ตอนนี้ได้ทำบันทึกรับคำร้องขอถอนแจ้งความพร้อมให้ทั้งสองฝ่ายเซ็นต์รับความยินยอม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนเองต้องรอให้ทางธนาคารออกหนังสือแจ้งมาให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะถือว่าสิ้นสุดเรื่องของคดีนี้ 

โดยหลังจากเสร็จภารกิจที่ สภ.เมือง บุรีรัมย์ ทั้งสองฝ่าย ได้ทางไปที่ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ เพื่อขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในชีวิต และขอให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี ได้รับความเจริญรุ่งเรืองต่อไป 

น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ กล่าวว่า อยากจะให้ธนาคารเร่งออกหนังสือแจ้งถึงพนักงานสอบสวน ให้โดยเร็ว เพื่อให้คดีสิ้นสุด เพราะเห็นใจผู้ถูกกล่าวหา และอยากให้ทางธนาคารทำหนังสือชี้แจงให้ความกระจ่าง เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้กับต้นและแฟน เพราะที่ผ่านมาได้รับความบอบช้ำจากสังคมตำหนิมาอย่างหนัก 

ด้านนายธนิต (ต้น) และ น.ส.สุวลักษณ์  แฟนสาว กล่าวด้วยว่า ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องและทำให้เรื่องนี้กระจ่าง และขอบคุณชาวบุรีรัมย์ ที่ทราบว่าตนเองพ้นมลทินไม่ได้เป็นคนผิดตามข้อกล่าวหารวมถึงร้านพิซซ่า ที่นำเอาพิซซ่า มามอบให้เป็นกำลังใจถึงโรงพยาบาล ทำให้เกิดแรงบัลดาลใจ ที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไป ส่วนหนึ่งก็อยากให้ธนาคารฯ ออกมารับผิดชอบ ด้วยการชี้แจงและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่ความจริงกระจ่าง ธนาคารได้ติดต่อมาครั้งเดียวว่า ”โอนเงินคืนแล้วนะ” จากนั้นก็เงียบหายไปจนถึงขณะนี้




 



 


 

 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.