"ชายต่างชาติ" วัย 62 ปี เครียด! กลัวโรคเก่ากำเริบ ซ้ำโควิด-19 แพร่ระบาด ตัดสินใจปลิดชีพ
28 เม.ย. 2563, 16:58
ฝรั่งชาวนอร์เวย์แต่งงานอยู่กินกับสาวไทยได้ 14 ปี ใช้ชีวิตอยู่บ้านนอกกรีดยางและสอนภาษาต่างประเทศหาเงินเลี้ยงครอบครัวที่มีลูกสาวลูกชาย 2 คน วัยกำลังเรียน แต่เกิดป่วยเป็นโรคปอดต้องแยกบ้านอยู่กับภรรยารักษาอาการจนหายดี เมื่อ 5 ปีผ่านมา ภรรยาขอหย่าแต่ยังอยู่ด้วยกันในบ้านคนละหลังเหมือนเดิม เศรษฐกิจไม่ดีราคายางพาราก็ตกต่ำอดีตภรรยาจึงไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ส่วนผู้ตายไปตรวจสุขภาพหมอแจ้งว่าพบจุดดำที่ปอดโรคเก่าอาจกลับมา ประกอบกับพิษโควิด-19 กำลังระบาด ตัวเองสุขภาพไม่ดีจึงกักตัวอยู่แต่ในบ้าน เกิดความเครียดจึงบ่นกับลูกๆ และแม่บ้านว่าอยากตาย เช้านี้จึงพบกลายเป็นศพใช้เชือกไนลอนผูกคอติดกับต้นยางดับ
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 28 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ร.ต.อ.ประยูรณ์ ไชยเพชร รอง สว.(สอบสวน) สภ.โสกก่าม ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ได้รับแจ้งเหตุมีฝรั่งชาวต่างชาติผูกคอตัวเองกับต้นยางพาราเสียชีวิต อยู่ข้างบ้านเลขที่ 133 หมู่ 7 บ้านโนนสำราญ ตำบลโสกก่าม จึงได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นพ.นพพล วิริยะสัจจะจิตร แพทย์เวร รพ.เซกา และหน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไลจุดโสกก่าม ที่เกิดเหตุเป็นสวนยางพาราอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร พบศพ นายรอย โจฮันเซ่น อายุ 62 ปี (Mr.ROY JOHANSEN ) สัญชาตินอร์เวย์ ใช้เชือกไนลอนแขวนคอตัวเองติดกับต้นยางพารา สูงห่างจากพื้นดินประมาณ 2.5 เมตร สภาพศพผู้ตายใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำตาล กางเกงขายาวสีดำรองเท้าบูทสีดำ มีไฟฉายเปิดทิ้งเอาไว้ตกอยู่โคนต้นยางพารา และมีบันไดอลูมิเนียมสูง 2 เมตร ล้มอยู่ใกล้ๆ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือบาดแผลจากการถูกทำร้ายใดๆ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง
สอบสวนนางวาสนา อินทร์ทอง อายุ 46 ปี พี่สาวนางสาวยุพาพร ศิริสม อายุ 36 ปี อดีตภรรยาผู้ตายและทำหน้าที่เป็นแม่บ้านทำความสะอาดหาข้าวปลาให้ผู้ตายและลูก 2 คน ได้กิน เล่าว่า ผู้ตายกับอดีตภรรยาได้แต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยามาได้ 15 ปีแล้ว จนมีบุตรด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นหญิงอายุ 14 ปี คนเล็กเป็นชายอายุ 11 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ด้วยกันแต่คนละหลัง ต่อมาผู้ตายได้ป่วยเป็นวัณโรค ได้ทำการรักษากินยาแล้วไปพบแพทย์ตลอดจนอาการหายดี แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไม่สู้ดีภรรยาจึงได้ขอหย่า เมื่อประมาณ 5 ปีผ่านมา แล้วได้แยกกันอยู่ในบ้านคนละหลังกับภรรยา และเมื่อประมาณ 3 เดือนผ่านมา อดีตภรรยาผู้ตายได้ไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ผู้ตายอาศัยอยู่กับลูกๆ และแม่บ้าน ช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ผู้ตายได้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปีที่อุดรธานี โดยหมอแจ้งว่ามีจุดดำที่ปอดอาจจะทำให้โรคปอดย้อนกลับคืนมาเป็นใหม่ ผู้ตายจึงเริ่มมีอาการเครียดหนักจึงกักตัวอยู่แต่ในห้องไม่ไปไหนมาไหนไม่พบปะผู้คน กลัว คนอื่นเอาโรคมาติด
นางวาสนา กล่าวต่อไปอีกว่า ผู้ตายไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน พอตื่นนอนก็ตัดหญ้าหน้าบ้าน ไปสอนพิเศษที่เคยทำก็ไม่ได้ ราคายางพาราก็ตกต่ำเงินทองจึงไม่พอใช้ จึงต้องเพิ่มความเครียด หลายวันผ่านมามีแต่บ่นอยากตาย ตนและหลานๆ ซึ่งเป็นลูกของผู้ตายได้แต่ห้ามปรามและปลอบใจให้อดทนเอาไว้ สิ้นเดือนนี้คงไปไหนมาไหนได้ โดยเฉพาะต้องไปรักษาอาการป่วยอีกครั้งที่จังหวัดอุดรธานี ก่อนพบกลายเป็นศพประมาณ 4 ทุ่ม ยังเห็นผู้ตายเดินอยู่ในบ้าน ไม่คิดว่าจะออกจากบ้านมาผูกคอตายลาโลกดังกล่าว จึงร้องขอให้ตำรวจส่งศพไปผ่าพิสูจน์สาเหตุการตายอีกครั้งที่ แผนกนิติเวช รพ.ศรีนครินทร์จังหวัดขอนแก่นต่อไป