เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



คุมตัว ! "มือปืน" ยิงป้าวัย 54 ปี ทำแผนประกอบคำสารภาพ อ้างแค้นโดนบังคับแต่งงาน-ทวงเงินสามหมื่น ชาวบ้านรุมสาปแช่ง


29 เม.ย. 2563, 08:49



คุมตัว ! "มือปืน" ยิงป้าวัย 54 ปี ทำแผนประกอบคำสารภาพ อ้างแค้นโดนบังคับแต่งงาน-ทวงเงินสามหมื่น ชาวบ้านรุมสาปแช่ง




จากกรณีนายประจักษ์ วาโย อายุ 32 ปี ใช้ปืนลูกซองยิงนางสมใจ ถามะพันธุ์ อายุ 54 ปี ตายขึ้นอืด 3 วัน ที่ริมตลิ่งลำห้วยโสม กระท่อมสวน หมู่ 3 ต.ศรีสำราญ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ก่อนหลบหนีไปที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งตำรวจได้ตามไปจับกุมที่ขอมอบตัว โดยรับสารภาพว่า แค้นที่โดนผู้ตายทวงเงินที่ยืมไปแต่งงาน 30,000 บาท เมื่อเห็นหน้าจะทวงเงินและพูดจาเสียดสีอยู่เป็นประจำ ทำให้อับอาย จึงเกิดความแค้นที่สะสมไว้นาน เช้าวันที่ 23 เมษายน จึงไปดักยิงผู้ตายคากระท่อมสวนผัก แล้วหลบหนี กระทั่งเช้าวันที่ 26 เมษายน มีเพื่อนบ้านมาพบเห็นศพนอนตายขึ้นอืด และสืบสวนจนทราบตัวคนร้าย

 

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว วันนี้ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ รอง ผบก.ภ. พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ มีชัย ผกก.สภ.น้ำโสม ร่วมควบคุมตัว นายประจักษ์ วาโย อายุ 32 ปี อยู่ที่ 29 หมู่ 3 ต.นางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ผู้ที่ก่อเหตุยิง นางสมใจ ถามะพันธ์ ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” พร้อมของกลาง อาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน โดยจับกุมหลังผู้ต้องหาติดต่อมอบตัวที่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

 

โดยก่อนแถลงข่าว พล.ต.ต.พิษณุฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัว นายประจักษ์ฯ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยใช้ตำรวจประมาณ 50 นาย รักษาความปลอดภัย จุดแรกที่กระท่อมนาสวนผักที่เกิดเหตุ โดยได้ก่อเหตุช่วงเช้าของ วันที่ 23 เมษายน โดย นายประจักษ์ ได้ขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน สะพายปืนลูกซอง มาจอดบริเวณทางเข้าสวนผัก ห่างจากระท่อมสวนประมาณ 100 เมตร จากนั้นได้ขึ้นไปบนกระท่อมสวนไปยิงไปที่ที่นอนของผู้ตาย 1 นัด เพราะคิดว่าผู้ตายนอนอยู่ แต่ไม่ใช่ร่างผู้ตาย

 

 

 

 



หลังสิ้นเสียงปืน ผู้ตายที่เตรียมจะอาบน้ำที่ริมตลิ่งลำห้วยโสม ได้ยินเสียงปืน จึงร้องด้วยความตกใจ และ กำลังจะขึ้นจากตลิ่งมาดู นายประจักษ์ฯ ได้เดินไปตามเสียงร้องทางลำห้วยโสม จึงเดินไปพบผู้ตายกำลังจะขึ้นจากตลิ่ง ได้ยิงผู้ตายด้วยปืนกระบอกเดียวกัน 2 นัด จนล้มลงที่ริมตลิ่งเสียชีวิต โดยขณะที่ทำกลังทำแผน ได้มีญาติผู้ตายและชาวบ้านจำนวนมาก ได้มาดูการทำแผน พร้อมกับพยายามเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ ร้องด่าผู้ต้องหาและรุมสาปแช่งผู้ต้องหาด้วย ซึ่งตำรวจต้องนำตัวนายประจักษ์ฯ ขึ้นรถอย่างรวดเร็ว เพื่อไปชี้จุดนำปืนไปซุกซ่อนไว้ในป่าห่างจากจุดเกิดเหตุ 5 กม.ที่เป็นจุดที่ 2

 

ส่วนจุดที่ 3 ตำรวจเตรียมจะนำตัว นายประจักษ์ฯ ที่ขอไปกราบขอขมาศพผู้ตายที่บ้านของแม่ผู้ตาย เลขที่ 306 หมู่ 3 ต.นางัว อ.น้ำโสม ซึ่งทางแม่และญาตินำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศล โดยมีญาติและชาวบ้านมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เมื่อทราบว่าตำรวจจะนำตัวนายประจักษ์ฯ มาขอขมาศพ ก็ได้มีญาติพี่น้อง ชาวบ้าน และชายฉกรรจ์เดินทางมารอจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตร.จึงตรึงดูแลความสงบในงานศพอยู่ ทำให้ พล.ต.ต.พิษณุ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เกรงว่านายประจักษ์จะไม่ปลอดภัย จึงยกเลิกการขอขมาศพ

 


หลังจากนั้น พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้แถลงข่าวจับกุมตัว นายประจักษ์ฯ ระบุว่า จากการสอบสวน นายประจักษ์ รับสารภาพว่าใช้ปืนยิงผู้ตายจริง ซึ่งนายประจักษ์ฯ เป็นน้องชายลูกสะใภ้ผู้ตาย มาอยู่กับผู้ตายมาประมาณ 3-4 ปี โดยผู้ตายพาทำสวนผัก ปลูกถั่วฝักยาว และผักชะอม ผักสวนครัวไปขายที่ตลาด และนายประจักษ์ฯ ก็จะนอนอยู่ที่กระท่อมในสวนผัก ต่อมาผู้ตายบอกให้นายประจักษ์ฯ แต่งงานมีครอบครัวได้แล้ว แล้วแนะนำให้รู้จักกับ น.ส.เอ นามสมมุติ (กรรณิการ์ ศรีแสงส่อง) อายุ 25 ปี และแต่งงานกัน แต่นายประจักษ์ฯ ขาดเงินค่าสินสอด 3 หมื่นบาท ผู้ตายได้ให้ยืม หลังแต่งงานได้ 2 ปีกว่า มีลูกสาว 1 คน ผู้ตายยังมาทวงเงินคืน แต่นายประจักษ์ฯ ยังไม่มีให้ ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ และด่าทอนายประจักษ์ฯประจำ

 

นายประจักษ์ อยู่กับภรรยาได้ประมาณ 2 ปีกว่า แล้วไม่อยากอยู่ต่อ เพราะถูกผู้ตายบังคับให้แต่งงาน โดยไม่เต็มใจ และนายประจักษ์ฯ เคยบอกผู้ตายหลายครั้งว่า อยู่กับภรรยาไม่ได้ ไม่อยากอยู่ต่อ ทนไม่ได้ อีกทั้งแม่ยายก็ไม่ยอมรับ อยากกลับไปทำสวนเหมือนเดิม แต่ผู้ตายก็ไม่ยอมให้กลับมา ทำให้คับแค้นใจ จึงตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์ไปยิงผู้ตายบนกระท่อมในสวนผัก แต่ผู้ตายอยู่ริมห้วย จึงตามไปยิงอีก 2 นัด แล้วนำปืนไปซุกซ่อนไว้ในป่า ก่อนขี่รถกลับบ้าน ออกอุบายกับทางบ้านว่า จะกลับบ้านไปเยี่ยมไปพ่อที่ จ.อุบลราชธานี รู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่คิดว่าจะทำ แต่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ จึงได้กลับบ้านไปหาพ่อบอกในสิ่งที่ทำลงไป และอยากขอโทษ ขอขมาผู้ตายที่เคยมีพระคุณที่เลี้ยงดูและพาทำมาหากิน”ส่วนที่ผู้ตายทวงเงิน 3 หมื่นคืน เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น

 

ด้าน นางสุบรรณ ถามะพันธ์ อายุ 81 ปี แม่ของนางสมใจฯ ผู้ตาย เปิดเผยว่า ดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนยิงได้ แต่ก็รู้สึกเฉย ๆ พร้อมกับอโหสิกรรมให้กับมือปืนที่ยิงนางสมใจ เพราะไม่อยากให้จองกรรมจองเวรต่อกัน แล้วแต่เขาจะมาทำยังไงก็เรื่องของเขา ตนเป็นคนมีเมตตาให้กับทุกคน ตนก็ไม่อยากมีอะไร และก็ไม่เป็นอะไร ซึ่งตนก็ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไรที่มายิงนางสมใจ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ก็อยากให้ลงโทษตามกฎหมาย แล้วแต่เจ้าหน้าที่เลย ตนไม่ขอยุ่ง เพราะว่าตนได้อโหสิกรรมให้แล้ว และนางสมใจก็เสียชีวิตไปแล้ว ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย ถ้าหากมือปืนอยากจะมาขอขมาศพนางสมใจตนก็ยินดีที่จะให้มาขอขมา

 

ด้าน น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 25 ปี ภรรยานายประจักษ์ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจที่สามีลงมือฆ่านางสมใจ ที่เป็นทั้งญาติผู้ใหญ่ เป็นผู้มีพระคุณ มาสู่ขอจนได้แต่งงานกัน เพราะแค้นที่โดนบังคับให้แต่งงาน รู้สึกกดดัน อึดอัด ที่ต้องแต่งงานกับตน ถ้าหากไม่อยากแต่ง ทำไมถึงมาคุยมาจีบนานกว่า 1 ปี ให้ผู้ใหญ่รวมทั้งผู้ตายเมื่อมาสู่ขอ ตกลงค่าสินสอดที่ 1.2 แสนบาท ทองรูปพรรณ 1 บาท พอหมั้นหมายได้ 6 เดือน ก็เร่งให้จัดงานแต่งงาน เมื่อแต่งแล้ว ก็อยู่กินกันมานาน 2 ปีกว่า จนมีลูกด้วยกันอายุ 1 ปี 4 เดือน

 

ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน นายประจักษ์ฯ สามีไม่เคยบอกว่าโดนบังคับ ครอบครัวตนเลี้ยงดูสามีของตนอย่างดี ตนมีอาชีพขายผักที่ตลาดกับผู้ตาย ซึ่งผู้ตายก็ไม่เคยมาบอกว่าสามีตนเป็นหนี้ 3 หมื่นบาท และสามีก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้รู้ หากรู้ว่าเป็นหนี้เงินแค่นี้ตนก็จะหาเงินไปคืนให้ การที่สามีพูดออกมานั้นหากเป็นความจริง ตนก็อยากถามกลับไปว่า ถ้าไม่รัก ไม่ชอบ แล้วมาสู่ขอทำไม การพูดเช่นนี้ ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะตนหวังสร้างอนาคตอยู่ด้วยกัน มีลูกแล้ว ถ้าอยากได้สินสอดคืนก็บอกมา จะคืนให้ ตนจะเลี้ยงลูกเอง หลังจากนี้ตนจะไม่ไปประกันตัว ใครสร้างกรรมอะไรไว้ ก็รับกรรมเอง” น.ส.กรรณิการ์กล่าวในที่สุด

 

 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.