ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า บรรยากาศ ที่สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองเลย ยังคงหนาแน่นไปด้วย ชาวบ้านที่นำสิ่งของต่างๆ เดินทางมา เพื่อนำของมาจำนำไว้กับสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองเลย จนแน่นตลอดทั้งวัน ล่าสุด วันนี้ มีตาคนหนึ่ง อายุประมาณ 70 ปี เดินทางมาจากบ้านไปโรงจำนำ เพื่อมาแลกเงินเก่าอายุกว่า 50 ปี เป็นแบงค์ 100 บาท ตาบอก เป็นเงินก้อนสุดท้ายเพื่อไปหาหมอที่คลินิก รักตัว จากอาการไม่สบาย ปวดเนื้อปวดตัว           

นางบุศรา ชัยจันทร์ ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองเลย เปิดเผยว่า ในวันนั้นคนเยอะมาก ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ประมาณ10 โมง มีคุณตาอายุประมาณ 70 กว่าปี เดินทางมา ที่โรงรับจำนำจากนั้นก็ควักแบงค์ 100 บาทเก่าๆ สมัยรัชการที่ 9 อายุแบงค์ไม่ต่ำกว่า 50 ปี รุ่นเก่าสภาพเก่ามาก (แบงค์จริงมีรูปในหลวงในลายน้ำ) เพื่อจะมาแลก และทราบข่าวมาจากทีวีว่าที่โรงรับจำนำเทศบาลเลยนั้นรับแลกเงิน แต่ความจริงแล้ว ตานั้น อาจจะทราบจากข่าว ที่ทางโรงจำนำมีคนใจบุญนั้น มีการมาไถ่ของให้ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และเมื่อคุณตานั้นเดินทางมายังโรงรับจำนำทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามและทราบว่า เป็นเงิน 100 และ 10  รวมเป็น 110 บาท นั้น เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ตานั้นมี และเป็นเงินเก่าไม่รู้จะทำไงได้ แต่มีข่าวเกี่ยวกับโรงรับจำนำก็คิดว่าโรงรับจำนำเทศบาลนั้น จะเป็นที่สามารถมาแลกเงินนี้ได้ จึงเดินทางมาเพื่อความหวังที่จะนำเงินไปหาหมอที่คลินิก โดยทางโรงรับจำนั้นเมื่อทราบถึงที่มาที่ไป ก็ดำเนินการ เก็บเงินของคุณตาท่านนี้ไว้ พร้อมกับนำเงินที่เป็นโครงการของท่านผู้ว่าชัยวัฒน์ ชื่อโกสุม ในเรื่องของการไถ่ถอน สิ่งของที่มาจำนำ โดยให้เงินตา กลับเป็นเงินใหม่ จำนวน 200 บาท และทางโรงจำนำได้ให้คุณตาไป 300 บาท แต่คุณตามาไม่เอาโดยบอกว่า ต้องการ ไปหาหมอเพียง 200 บาท และเอาเงิน 200 บาทนั้นไป หาหมอ ไม่ยอมรับเงิน 300 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ในเรื่องของความ พอเพียง ความต้องการของตนเอง ในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจแบบนี้และในยุคของ โควิด-19 ที่ทุกคนจะต้องทำมาหากินและดิ้นรน