ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่า ที่บริเวณอ่าวดุหยง ใกล้เขาบาตู ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง แหล่งอนุบาลมาเรียม พะยูนน้อยวัย 7 เดือน ในระบบเปิดในธรรมชาติ  ซึ่งด้วยความน่ารัก ซุกซนของมาเรียม ทำให้กลายเป็นขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศและทั่วโลก  จนมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมดูการทำงานของทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ในการอนุบาลป้อนนม ป้อนหญ้าแก่มาเรียม  โดยเฉพาะต่างอยากจะเห็นพะยูนน้อย และอยากจะชมความน่ารักของมาเรียม ด้วยตาตนเอง  เพราะเกือบทั้งหมดที่เข้าไปชมต่างบอกว่า ไม่เคยเห็นพะยูนตัวเป็นๆ ในทะเลมาก่อน

        ขณะที่คุณครู และนักเรียน โรงเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาสในพื้นที่เพียงแห่งเดียวบนเกาะลิบง ซึ่งมีนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล-ม.6 จำนวน 442 คน  ต่างก็หมุนเวียนกันเดินทางเข้าไปชมการเลี้ยงมาเรียม โดยมนุษย์  โดยล่าสุดเป็นนักเรียนระดับ ม.4 และ ม.6 รวม 50 คน โดยมีคุณครูพาไปชม และติดตามดูการทำงานของทีมสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด  เพื่อเป็นการศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
        นางสาวณัฐธยาน์ วงศ์ตาขี่ นร.ชั้น ม.4 กล่าวว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่มีการนำมาเรียม มาเลี้ยงในทะเลที่เกาะลิบง  และเท่าที่ติดตามข่าวพบว่ามีคนสนใจมาเรียม เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมาเรียม เป็นสัตว์น่ารัก มีพฤติกรรมที่ไม่ดุร้าย  ซึ่งนักเรียนในโรงเรียนทั้งหมดเป็นคนในพื้นที่ ทุกคนพร้อมจะช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติด้วยการไม่ทิ้งขยะลงในทะเล ช่วยกันปลูก และช่วยกันปลูกหญ้าทะเล  โดยมาเรียม ทำให้สังคมภายในนอกรู้จักพะยูนและรู้จักเกาะลิบงกันมากขึ้น และยินดีมากหากจะมีพะยูนมาเลี้ยงเพิ่มในพื้นที่เกาะลิบงต่อไป
 

        ด้าน คุณครูกวี หนูศรีคง คุณครูประจำชั้น ม.6 กล่าวว่า  ครูในโรงเรียนได้หมุนเวียนกันพานักเรียนมาดูการอนุบาลมาเรียม เกือบทุกวัน เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมศึกษาเรียนรู้ในเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย  โดยปรากฎการณ์มาเรียม ที่เกิดขึ้น ไม่ต้องบอกให้นักเรียนต้องปรับตัวอะไร เพราะเป็นเจ้าถิ่นอยู่แล้ว แต่ก็เป็นเรื่องใหม่ที่เด็กๆ ได้เห็นลูกพะยูนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ  เพราะที่ผ่านมาเด็กๆ ในพื้นที่ได้เห็นพะยูนในระยะไกลๆ หรือขึ้นไปดูบนหอชมพะยูนเท่านั้น  ทำให้เด็กๆ รู้สึกรักท้องถิ่นมากขึ้น เรียนรู้และรักธรรมชาติมากขึ้น  ทั้งนี้ ทางโรงเรียนก็ได้บอกกับนักเรียนทุกคนว่าเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว  รู้จักการถ่ายทอดความรู้ให้นักท่องเที่ยวในเรื่องการมาดูพะยูนในลักษณะการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์  และให้นักเรียนได้พัฒนาในเรื่องของภาษาได้เป็นไกด์ เพื่อจะได้ต่อยอดต่อไป