ยังคงติดตามอาการป่วยของ "เมฆ วินัย ไกรบุตร" หลังจากป่วยเป็นโรคตุ่มน้ำพอง หรือ โรคเพมพิกอยด์ ล่าสุดวันที่ 5 ก.ค. ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้แถลงความคืบหน้าการเข้ารักษาของ "เมฆ วินัย ไกรบุตร" 

โดยทีมแพทย์กล่าวว่า โรคตุ่มน้ำพอง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากภูมิต้านทานของผู้ป่วยเพี้ยน จากที่จะทำลายเชื้อโรคแต่ทำลายตัวเอง ทุกคนสามารถเป็นไปได้ และสามารถหายเองได้ ยกตัวอย่างเช่น ด่างขาว หรือ ผมร่วงเป็นหย่อม 

สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ที่มาทำลายโครงสร้างที่ทำหน้าที่ยึดเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังหลุดออกจากคัน กลายเป็นตุ่มน้ำและแผลถลอก โรคที่พบบ่อย มี 2 กลุ่มคือ โรคเพมฟิกัส และโรคเพมฟิกอยด์

 

โรคเพมฟิกัส มักพบในช่วงอายุ 50-60 ปี มีความผิดปกติที่ชั้นผิวหนังกำพร้า จะเกิดในผิวหนังชั้นตื้นกว่า แต่อาจกินบริเวณกว้าง ผู้ป่วยจึงมีแผลเสมือนถูกน้ำร้อนลวกเป็นบริเวณกว้าง และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีแผลถลอกในช่องปากร่วมด้วย  มีอาการเจ็บ และอาจพบแผลถลอกที่เยื่อบุบริเวณอื่นได้ เช่น ทางเดินหายใจ เยื่อบุช่องคลอดและอวัยวะเพศ ที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ แตกได้ง่าย กลายเป็นแผลถลอก มีอาการปวดแสบมากเมื่อแผลหายมักทิ้งรอยดำโดยไม่เป็นแผลเป็น

สำหรับ เพมพิกอยด์ มักพบเจออยู่ในช่วงคนสูงอายุมากกว่า 60 ปี จากข้อมูลทั่วโลกก่อนจะเป็นโรคนี้อย่างชัดเจน จะเป็นผื่นคันๆ แดงๆ นำมาก่อนหรืออาจจะไม่มีเลย จนกระทั่งเกิดผื่น แล้วเกิดตุ่มน้ำพองขึ้นมา ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเฉพาะบางที่ 

อาการช่วงแรกของ เมฆ วินัย มีอาการเจ็บแสบคัน และมีแผลลามใหญ่โต จึงให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ยืนยันว่าโรคนี้ไม่ใช่โรคหายาก เนื่องจากพบผู้ป่วยที่ประเทศไทยบ่อยพอสมควร ทีมแพทย์ยืนยันว่าโรคที่คุณเมฆเป็น คนละโรคกับของพุ่มพวง ไม่ใช่โรคสะเก็ดเงิน และไม่ใช่โรคอีสุกอีใส 

 

ในส่วนของการรักษาหลักคือจะใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์และยากดภูมิคุ้มกัน  ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา เนื่องจากรักษาที่ต้นเหตุ อาการตอนนี้ตุ่มน้ำพองเริ่มขึ้นช้าลง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี 

ส่วนการรักษาเบื้องต้นของพยาบาล ต้องรักษาความสะอาดให้กับผู้ป่วย อาบน้ำด้วยน้ำเกลือ รวมถึงมีแผลในปาก จึงต้องงดอาหารรสจัดและบ้วนน้ำเกลือ และระมัดระวังเรื่องการเข้าเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยติดเชื้ออื่นๆ เพิ่มเติม