เปิดคำสารภาพ “นายพิส” หลังลงมือสังหารภรรยา ยัดบ่อส้วม รักมาก ก็แค้นมาก
9 พ.ค. 2563, 15:17
จากกรณี นายพิส จันดาประดิษฐ์ ก่อเหตุฆาตกรรม นางบุญเลิศ จันดาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นภรรยา เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ที่หมู่ 8 บ้านนาซอ ต.โพนจาน จ.นครพนม โดยนายพิสรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ได้แต่งงานอยู่กินกับนางบุญเลิศผู้เสียชีวิตมาตั้งแต่ปี 2528 มีบุตรด้วยกัน 3 คน เป็นหญิง1ชาย2 กระทั่งได้เดินทางไปทำงานก่อสร้างที่ประเทศสิงคโปร์ ส่งเงินมาให้ภรรยาประจำทุกเดือน เมื่อกลับมาพักก็มีญาติมากระซิบบอกว่าให้ทำใจรับสภาพ เพราะนางบุญเลิศคบชายอื่น
จึงสอบถามภรรยาว่าจริงหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นความจริง ตนจึงขอร้องให้เลิกนิสัยดังกล่าว จากนั้นก็ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียและบรูไน ส่งเงินกลับบ้านไม่เคยขาด ขณะที่ภรรยาก็ยังมีพฤติการณ์เดิม ได้รับเงินที่ส่งมาก็นำไปซื้อเหล้าเบียร์เลี้ยงผู้ชาย แล้วไปจบด้วยการหลับนอน
เมื่อกลับจากต่างประเทศมาอยู่บ้านอย่างถาวร ก็ทำงานก่อสร้างทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด โดยไม่เคยให้ภรรยาทำงานหนักแต่อย่างใด ครั้งหนึ่งเคยแกล้งนอนหลับ ภรรยากดโทรศัพท์ไปหาผู้ชาย บอกว่าพรุ่งนี้จะโกหกสามีว่าไปธุระในเมือง แล้วไปเจอกันที่รีสอร์ท ตนได้ฟังถึงกับนอนน้ำตาไหล ด้วยความรักภรรยาจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้ไปหลับนอนกับชายอื่น บางครั้งก็หาเรื่องทะเลาะเพื่อจะไปนอนกับชายอื่น หายหน้าไป 5-10 วัน ก็กลับเข้าบ้านไม่เคยสะทกสะท้านต่อการกระทำใด ๆ ตนเก็บความเจ็บช้ำน้ำใจมานานถึง 20 ปี อภัยให้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ก่อนเกิดเหตุวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 นางบุญเลิศก็หาเรื่องทะเลาะแล้วหนีไปนอนบ้านพี่สาว กลับมาในตอนเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 ตอนนั้นตนลุกขึ้นมาก่อไฟนึ่งข้าว อยู่บ้านหลังใหม่ที่กำลังสร้างใกล้เสร็จ
ซึ่งห่างจากชุมชนไกลพอสมควร พร้อมกับเอ่ยปากขอกุญแจรถจักรยานยนต์ เพื่อจะขับไปหาชายชายอื่นที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน นายพิสจึงบอกถ้าไปจะไม่ปล่อยให้รอดชีวิต นางบุญเลิศกลับท้าทายชี้หน้าด่าว่า “คนอย่างมึงเหรอ จะกล้าทำกูเหรอ” แล้วยิ้มเย้ยเยาะดินเข้าไปอาบน้ำ
เมื่อออกจากห้องน้ำนางบุญเลิศยังไม่หยุด ท้าว่า “มึงกล้าไม่ทำกูหรอก” นายพิสเหลียวเห็นก้อนอิฐบล็อกวางอยู่ใกล้ห้องน้ำ จึงหยิบมาแกล้งเคาะหัวภรรยา ยิ่งทำให้นางบุญเลิศได้ใจพูดท้าทายและหยามศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ว่า “เดี๋ยวกูจะเอาชายอื่นมานอนในบ้าน ทำให้เห็นจะ ๆ ” ทำให้เกิดอาการหน้ามืดยกก้อนอิฐทุบที่ศีรษะอย่างแรงถึง 3 ครั้ง
จนนางบุญเลิศล้มลงเลือดนองพื้น ลองเอาหูแนบที่อกซ้ายพบว่าหัวใจหยุดเต้น จึงอุ้มศพภรรยามาวางไว้ที่แคร่ ก่อนจะถอดผ้าถุงมาเช็ดเลือดแล้วโยนเผาไฟทิ้ง นำผ้าห่มคลุมร่างไว้เพื่อกันคนมาพบเห็น และทำความสะอาดล้างเลือดจนเอี่ยมสะอาด
นายพิสผู้ต้องหาสารภาพต่อว่า หลังกลายเป็นฆาตกร จิตใจสับสนเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความแค้นที่สุมในอกกว่า 20 ปี ตั้งใจว่าจะไปทำร้ายชายคนล่าสุดคือ “นายดำ” มีบ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก จากนั้นก็จะไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อไปที่บ้านนายดำแล้วไม่พบจึงกลับมาบ้านอีกครั้ง
เห็นบ่อเกรอะที่ฝังท่อปูนไว้ 3 วง ลึกประมาณ 150 ซม. แต่ยังไม่ได้ติดตั้งโถส้วม จึงแบกศพภรรยาในสภาพเปลือยเปล่าโยนลงก้นบ่อเกรอะ แล้วผสมปูนมาโบกปิดอย่างสนิท สรุปคืนวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 นายพิส นอนอยู่ที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ โดยมีศพภรรยาฝังไว้ในบ่อเกรอะหลังบ้าน
เวลาประมาณ 07.00 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 น.ส.นิตยา จันดาประดิษฐ์ อายุ 29 ปี ลูกสาวที่แยกครอบครัวไปอยู่กับสามี ได้แวะมาหา ถามว่าแม่ไปไหน นายพิสตอบไล่หนีไปอยู่กับชายอื่นแล้ว
แต่ลูกสาวเห็นรองเท้าแม่ถอดอยู่หน้าห้องน้ำ คิดว่าพ่อคงไล่ตีแม่วิ่งหนีจนทิ้งรองเท้าไว้ และเห็นพ่อโบกปูนปิดบ่อเกรอะจนไม่มีที่ระบาย จึงถามว่าหากส้วมเต็มจะทำอย่างไร นายพิสตอบก็เจาะรูสูบทีหลังก็ได้ จากนั้นก็มีรถยนต์ผู้รับเหมามารับนายพิสไปทำงานก่อสร้างที่อำเภอท่าอุเทน ซึ่งเป็นอำเภอติดกันกับอำเภอโพนสวรรค์
แต่ด้วยความสงสัย น.ส.นิตยา ที่ฝาปิดบ่อเกรอะเป็นอย่างมาก จึงลองนำค้อนมาทุบเป็นรูพอกำปั้นลอดได้ แล้วนำไฟส่องกบมาส่องดูข้างใน พบร่างของแม่นอนเสียชีวิตอยู่ก้นบ่อ จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจที่เกิด และติดตามตัวนายพิสผู้ต้องสงสัยมาเค้นสอบ
แต่เมื่อไปถึงที่ทำงานนายพิส ก็บอกว่ารู้อยู่แล้วตำรวจจะต้องมาจับกุม สารภาพว่าตนเป็นคนทำร้ายภรรยายัดบ่อเกรอะโบกปูนเอง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวน สภ.โพนสวรรค์ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนาและปิดบังอำพรางศพ
นายพิสฆาตกร เผยความคับแค้นใจว่า แม้จะรู้อยู่เต็มอกกรณีภรรยาคบชายอื่น บางครั้งหายไปอยู่กับชายอื่นเป็นเดือน ๆ ก็กลับมาอยู่บ้าน สักพักก็มีชายคนใหม่แล้วก็หายไปนับได้มีถึง 7 คน ตนขอร้องให้เห็นแก่ลูก ๆ กลับเนื้อกลับตัว แต่ก็ไม่สำนึกในสิ่งที่กระทำทั้งสิ้น
ด้านชาวเน็ตต่างพากันแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่เห็นใจฝ่ายชาย ที่อดทนมาตลอด 20 ปี และเป็นสามีที่ดี ไม่ให้ภรรยาต้องลำบาก แต่ครั้งนี้ เกิดจากเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เพราะเนื้อแท้แล้วฝ่ายชายเป็นคนดีมาก
ด้าน น.ส.นิตยาลูกสาวกล่าวว่า ทราบมาตลอดว่าแม่สวมเขาให้พ่อ เคยขอร้องให้เลิก เป็นภรรยาที่ดีของพ่อ นางบุญเลิศกลับตอบว่าไม่เลิกแต่จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งชาวบ้านต่างรู้ดีว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกันเป็นประจำเกี่ยวกับเรื่องคบชายอื่น แต่ไม่คิดว่าพ่อจะรุนแรงถึงขั้นทำร้ายแม่
ยอมรับว่าครอบครัวต้องสูญเสียทั้งแม่ผู้ให้กำเนิด ส่วนพ่อก็ต้องติดคุก และเมื่อลูกสาวเจอพ่อถูกสวมกุญแจมือในห้องสอบสวน สภ.โพนสวรรค์ น.ส.นิตยาก็โผเข้ากอดร่ำไห้ บอกให้พ่อเข้มแข็งจะไปเยี่ยมในเรือนจำจนกว่าจะได้อิสรภาพ