"ไอแบงก์" ขานรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs และลดปัญหาการขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจช่วง COVID-19
14 พ.ค. 2563, 10:36
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ขานรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs และลดปัญหาการขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจให้สามารถดำเนินกิจการต่อ โดยไม่กระทบต่อการจ้างงาน ด้วยการชะลอการชำระเงินต้นและกำไรอัตโนมัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ไอแบงก์ ได้กำหนดเกณฑ์ (สิทธิ์) ของลูกค้าที่จะได้รับความช่วยเหลืออัตโนมัติตามคุณสมบัติดังนี้ คือ เป็นลูกค้าบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจ SMEs มีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารรวมไม่เกิน 100 ล้านบาท หรือสินเชื่อผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย(MSMEs) ที่มีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารรวมไม่เกิน 200,000 บาท โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ต้องมีสถานะปกติไม่เป็นหนี้ NPF
สำหรับแนวทางชะลอการชำระหนี้ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.สินเชื่อที่มีกำหนดระยะเวลา ตั๋วสัญญาใช้เงิน สินเชื่อเพื่อการนำเข้าและส่งออก ธนาคารชะลอการเรียกเก็บค่างวดตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึง 22 ตุลาคม 2563 โดยให้นำไปชำระพร้อมกัน ทั้งเงินต้นและกำไรในงวดสุดท้ายตามสัญญา และให้เริ่มชำระค่างวดในอัตราเดิมตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป
2.วงเงินเบิกถอนเงินสด (B Cash Line) ที่เบิกใช้ไม่เต็มวงเงิน ให้ชำระกำไรรายเดือนตามปกติ
3.ขยายอายุสัญญาอัตโนมัติให้กับบัญชีสินเชื่อทุกประเภทที่หมดอายุ ระหว่าง 23 เมษายน ถึง 22 ตุลาคม 2563 โดยให้ไปสิ้นสุดในเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 (แล้วแต่กรณี) โดยให้ชำระเงินต้นและกำไรพร้อมกันในงวดสุดท้ายตามสัญญาที่ถูกขยาย
4.ไม่ต้องทำสัญญาเพิ่มเติม
5.ผู้ค้ำประกัน หรือผู้จำนองไม่ต้องลงนามยินยอม เพื่อชะลอการชำระหนี้
6.ธนาคารชะลอการชำระหนี้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องแจ้งขอรับสิทธิ์
และ 7.ลูกค้าที่มีความประสงค์จะชำระหนี้ระหว่างระยะเวลาชะลอ สามารถชำระหนี้ได้โดยแจ้งความประสงค์ผ่านเจ้าหน้าที่ หรือสาขาธนาคารทั่วประเทศ
ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs สามารถติดต่อสอบถามเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการข้างต้นได้ที่ เจ้าหน้าที่สินเชื่อที่ดูแลสินเชื่อ ส่วนลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย (MSMEs) ธนาคารได้ส่งข้อความ SMS แจ้งลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์ทุกรายแล้ว หรือหากมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ iBank Call Center 1302