เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"หนุ่มวัย 18 ปี" ไปส่งเพื่อนหญิงที่บ้าน โดนดักรุมทำร้ายเสียชีวิต ญาติลั่น! หากคนลงมือไม่มาขอขมาจะไม่ยอมเผาศพ


14 พ.ค. 2563, 14:33



"หนุ่มวัย 18 ปี" ไปส่งเพื่อนหญิงที่บ้าน โดนดักรุมทำร้ายเสียชีวิต ญาติลั่น! หากคนลงมือไม่มาขอขมาจะไม่ยอมเผาศพ




เมื่อวันที่ 13 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า มีเหตุทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค.63 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง มีเหตุชายถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัส ก่อนหน่วยกู้ชีพตําบลหนองบัวบาน อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ จะรีบนำส่งโรงพยาบาลรัตนบุรี ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสหมดสติในที่เกิดเหตุ ต้องช่วย CPR ก่อนรถพยาบาลรัตนบุรี และส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ผู้สื่อข่างลงพื้นที่ตรวจสอบที่ บ้านคุ้มห้วย หมู่ที่ 12 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านผู้เสียชีวิต ชื่อนายคมสัน หลักกล้า18 ปี ญาติๆ กำลังจัดเตรียมสถานที่งานศพ และรอนำศพจาก รพ.สุรินทร์ ส่งที่บ้าน ซึ่งทางญาติได้พาผู้สื่อข่าวไปดูรถ จยย.ของผู้ตาย ที่ขับไปส่งเพื่อนหญิง 2 คน ที่บ้านโพนแคน หลังกินหมูกระทะเสร็จ โดยผู้ตายนั่งซ้อนท้าย เพื่อนหญิงเป็นคนขับ สภาพรถเป็นปกติ

จากนั้นญาติก็พาไปดูจุดที่นั่งทานหมู่กระทะบริเวณหน้าประตูบ้าน ซึ่งได้ชวนกันมากินหมูกระทะคืนวันที่ 12 พ.ค.63 โดยมีผู้ตายและเพื่อนหญิงอีก 3 คน หลังจากกินกันเสร็จเพื่อนหญิงอีก 2 คน จึงให้ไปส่งที่บ้าน จนถูกดักทำร้ายร่างกายเสียชีวิต

นางอักษรสุดา ยศรุ่งเรือง เล่าให้ฟังว่า ตนนั่งกินหมู่กระทะตรงหน้าห้องอยู่ 4 คน มีผู้ตาย และเพื่อนของตนอีก 2 คน ที่ไปกับคนตายและตนอีกคน ส่วนสาเหตุที่ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตนั้นไม่ทราบเพราะอะไร แต่ตนคิดว่าน่าจะเรื่องหึงหวงแฟนสาว เพราะแฟนผู้ทำร้ายร่างกายนั้นมากับผู้ตาย พอไปส่งจึงถูกดักทำร้าย ส่วนผู้ตายกับหญิงที่มาทานหมูกระทะเป็นเพื่อนกัน และผู้ตายกับผู้ที่ทำร้ายก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

 


 

จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.รัตนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนผู้ต้องหา และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้ในตอนนี้ เพราะจะเสียรูปคดี ต้องรอสอบปากคำทั้งหมดและพยานหลักฐานก่อน แต่เบื้องต้นนั้นมีผู้ก่อเหตุ 7 คน เป็นเยาวชน รับสารภาพคนเดียว จึงได้ตั้งข้อหา ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ไว้ก่อน


ส่วนแฟนสาวผู้ก่อเหตุนั้นก็เป็นเยาชนเช่นเดียวกัน และเพื่อนที่ไปด้วยเมื่อคืนวันเกิดเหตุ พากันนั่งที่ลานจอดรถ ของ สภ.รัตนบุรี เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวก็พากันหลบ และได้เข้าไปสอบถามเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดขึ้น แต่ไม่ยอมพูดอะไรเลย

 



จากนั้นผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณ 3 แยกช่วงโค้งบ้านโพนแคน เข้าบ้านดินแดง ต.หนองบัวบาน อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนเกิดเหตุกลุ่มที่ทำร้ายร่างกายมาดักรอตรงจุดมุมทางโค้งนำรถ จยย.แอบข้างทางไว้ และชาวบ้านบอกว่าจุดที่พบผู้เสียชีวิตจะนอนสลบอยู่ใกล้ท่อน้ำ และมีรอยเท้าเป็นจุดๆ หญ้ามีร่องรอยไถลลง ซึ่งชาวบ้านยังบอกอีกว่า เมื่อคืนเกิดเหตุนั้นได้ยินเสียงของกลุ่มวัยรุ่นดังมาก เหมือนทะเลาะกันจึงไม่กล้าออกมาดูเพราะกลัว จากนั้นได้มีชาวบ้านได้ยินเสียงอีกครั้งจึงพากันออกมาดู พบกลุ่มวัยรุ่นกำลังทำร้ายอีกคน จึงเข้ามาช่วย กลุ่มวัยรุ่นพากันหลบหนี ชาวบ้านจึงโทรแจ้งตำรวจและกู้ภัยให้นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล สุดท้ายเสียชีวิต

ชุดสืบสวน สภ.รัตนบุรี ได้ออกติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันควันในคืนเกิดเหตุ ต่อมาเมื่อช่วงเช้า วันที่ 13 พ.ค.63 ชุดสืบสวนได้นำวัยรุ่นทั้ง 7 คน ไปทำแผนชี้จุดในที่เกิดเหตุ ก่อนจะสอบปากคำเพิ่มเติม ต่อมากู้ภัยผู้ใหญ่ใจดี ได้นำส่งศพจาก รพ.สุรินทร์ ให้ฟรีถึงที่บ้าน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เมื่อนำศพมาถึงที่บ้าน ญาติต่างร่ำไห้เศร้าโศกเสียใจแทบขาดใจ ทั้งเพื่อนๆ น้ำตาไหลนอง เพราะไม่คิดว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้ โดยเฉพาะพี่ชายของผู้ตายแค่เห็นโลงศพน้องชายถึงกับร้องไห้โฮขึ้นมาทันที "ผมมีน้องชายแค่คนเดียว รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้" จนแม่ต้องเข้าไปปลอบโยนและเพื่อนๆ ก็เข้าไปปลอบ ขณะที่ทำพิธีส่งดวงวิญญาณ สัปเหร่อได้ทำพิธีเสี่ยงทายไข่ หากโยนไปแล้วไข่แตกดวงวิญญาณจะตัดขาดรับรู้การตายไม่อยู่บ้านอีก เมื่อสัปเหร่อโยนไข่กระทบกับโลงแต่กลับไม่แตก เหมือนดวงวิญญาณยังห่วงอะไรสักอย่าง แต่เมื่อญาติบอกกล่าวไม่ต้องห่วงให้ไปดี สัปเหร่อก็โยนอีกครั้งไข่จึงแตก สัปเหร่อจึงได้ทำพิธีขอขมาต่อศพและนำเงินวางที่ศพตามความเชื่อ ท่วมกลางเสียงร้องไห้เศร้าโสกเสียใจของญาติๆ ซึ่งสภาพศพของผู้ตาย ญาติบอกว่าถูกตีที่ท้ายทอย คอหัก แขนฟกซ้ำและใบหน้า

ส่วนทางด้าน พ่อ แม่ และญาติๆ ผู้ตาย นายนฤพล หลักกล้า อายุ 40 ปี กล่าวว่า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเกิดกับตัวเอง เคยเห็นแต่ในข่าว ไม่น่าจะมาอายุสั้นแบบนี้เลย พาไปทำงานด้วยตลอด พึ่งจะกลับมาอยู่บ้านในช่วงโควิดมานี้ บ้านตนไม่มีเงินแม้แต่จะทำศพ ต้องไปหายืมเงินเขา ขนาดวันเกิดของลูกยังไม่มีเงินเลี้ยง ก็เลี้ยงเฉพาะคนสนิทรู้จักกัน ซึ่งผู้ตายไปรับเพื่อนหญิงมากินหมูกระทะฉลองวันเกิดย้อนหลัง ซึ่งผู้ตายได้เกิดวันที่10 พ. ค. ที่ผ่านมา โดยได้ขับรถ จยย.มารับเพื่อนสาวที่บ้านดินแดง เพื่อมากินหมูกระทะที่บ้าน กับเพื่อนๆ ที่บ้านก่อนช่วงประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง หลังจากกินเสร็จจึงให้เพื่อนสาวขับรถ จยย.ของผู้ตาย ไปส่งที่บ้าน โดยผู้ตายได้นั่งซ้อนท้ายไปด้วย ไม่คิดว่าจะไปเสียชีวิต ซึ่งญาติกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ด้วย

นางบัวสอน หลักกล้า ผู้เป็นแม่เล่าทั้งน้ำตา ว่า อยากให้คนที่กระทำความผิดมาขอขมาศพ ลูกตนไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่รู้จักคนๆ นั้นเลย ไม่อยากให้ลูกตนตายฟรี ผู้เป็นพ่อเป็นแม่มันใจจะขาด ไม่มีคำจะพูด มันแน่นอยู่ข้างใน อยากให้คนทำผิดมาขอขมา ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่รู้จักลูกของเราเลย ทำไมต้องมาฆ่ากันแบบนี้ จะไม่เผาศพเลยถ้าไม่มาขอขมา ต้องให้มาขอขมาให้ได้ ไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลย อยู่ดีๆลูกก็มาตายต่อหน้าต่อตา มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครคิดฝันว่าจะมาตายแบบนี้ อยากให้คิดหน่อยว่า การที่จะฆ่าใครสักคน มันไม่ใช่เหมือนหมูเหมือนหมา อยากจะฆ่าก็ฆ่าได้ คนเราเกิดมาเป็นคนมันต้องรักชีวิตตัวเอง รักตัวเอง แม้แต่ตัวเองยังรักตัวเอง คนอื่นก็ต้องรักเช่นกัน เป็นอะไรถึงจะมาฆ่ามาแกงกันแบบนี้ ไม่เคยคิดจะไปราวีใคร แต่ทำไมเขาต้องมาฆ่าลูกเราแบบนี้ด้วย ตนไม่อยากเชื่อ ตนไม่อยากยอม ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ลูกตนอยู่แต่ในกรุงเทพฯ พึงจะกลับมานี่เอง กลับมายังไม่ถึงเดือน

ส่วนทางด้าน นายคูณ ผิวงาม หัวหน้างานที่กรุงเทพฯ ของผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายนิสัยดี ทำงานขะมักเขม้นเข้มแข็งดี รับผิดชอบหน้าที่การงานดี แต่ช่วงที่พากลับบ้านงานไม่มี เพราะติดโควิด ซึ่งตนทำงานเคเบิลใต้ดิน ก็พากลับบ้านมา สิ้นเดือนนี้จะกลับขึ้นไปทำงานต่ออีก ทางบริษัทก็โทรมาแล้วว่า งานจะเข้าแล้ว ซึ่งสิ้นเดือนนี้จะพาลูกน้องขึ้นไปทำงานอีก แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น รู้สึกเสียใจกับลูกน้องที่เป็นคนดี ทำงานดี ที่มาเสียอนาคต อนาคตน่าจะก้าวไกลกว่านี้

ส่วน นายอนิรุต หลักกล้า อายุ 28 ปี เป็นอาของผู้ตาย เชื่อว่าผู้หญิงลวงหลานของตนไปให้ทำร้ายแน่ มันบังเอิญเกินไปที่ผู้ชายจะไปดักฆ่า เชื่อว่าผู้หญิงต้องรู้เห็นเป็นใจ ผมเองก็กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ทำร้ายมีกัน 7 คน แต่เวลาให้การกับตำรวจว่าตีคนเดียว ถ้าตีคนเดียวหลานของตนจะไม่เป็นแบบนี้ ตีคนเดียวไม่ตายแน่ ต้องมีเยอะกว่านั้น แต่ผู้หญิงก็ไม่ยอมบอก คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสอบสวน แต่ก็กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะหลานผมน่าจะถูกรุมตีไม่ใช่ตีคนเดียว



 







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.