หนุ่มสุรินทร์ช้ำรัก หมั้นสาวคาราโอเกะหลังเจอหน้า 7 วัน เปย์นับแสน สุดท้ายหนีไปหาสามีเก่า (ภาพ)
15 พ.ค. 2563, 14:30
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 63 อมรินทร์ ทีวี รายงานข่าวหนุ่มสุรินทร์ช้ำรัก หลังถูกสาวคาราโอเกะที่หมั้นกันแล้ว และอยู่กินกันแบบครอบครัวทิ้งไปหาสามีเก่า โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ นายธีรพงษ์ แต้มทอง อายุ 38 ได้พบรักกับสาวสวยอายุ 43 ปี ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในตำบลยางศีขรภูมิ-สุรินทร์ หลังรู้จักกันได้ 7 วัน ฝ่ายชายได้ทำตามคำบอกของผู้หญิง ที่บอกว่า ถ้ารักก็ให้มาขอหมั้น โดยเตรียมเงิน 3 หมื่นบาท และทอง 1 เส้น หนัก 1 บาท ท่ามกลางญาติพี่น้องทั้งสองฝ่าย นายธีรพงษ์ เผยว่า ฝ่ายหญิงหน้าตาดี และอ่อนวัยกว่าอายุจริง พอได้เจอก็ตกหลุมรัก และพูดคุยถูกคอ แม้ว่าฝ่ายหญิงจะมีลูกติด 2 ขวบก็ไม่ถือสาอะไร ตลอดระยะเวลาคบหากัน ฝ่ายหญิงเป็นคนพูดจาดี สุภาพ ไม่ก้าวร้าว จึงตัดสินใจหมั้น
หลังจากหมั้น ฝ่ายหญิงได้ย้ายมาอยู่ที่กับตนที่บ้านพักบางวัน เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินทางกลับจังหวัดศรีสะเกษทุกวัน ตนยอมรับว่ามีอะไรกับฝ่ายหญิงแล้วหลายครั้ง กระทั่งปลายเดือนมกราคม ได้กู้เงินจากธนาคาร 1 แสนบาท เพื่อต่อเติมบ้าน ทำร้านของชำให้เป็นร้านขาย-ซ่อมโทรศัพท์ และต่อเติมเนื้อที่ข้างๆ ให้เป็นร้านขายของ หวังให้ฝ่ายหญิงออกจากร้านคาราโอเกะมาสร้างครอบครัว
ตนยังช่วยฝ่ายหญิงผ่อนค่างวดรถยนต์ 2 งวด งวดละ 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 10,000 บาท และให้เงินครั้งละ 1,000 - 2,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 40,000 บาท รวมแล้วจากที่รู้จักกันให้เงินไปประมาณ 2 แสนกว่าบาท จนกระทั่งวันที่ปลายเดือนเมษายน ฝ่ายหญิงอ้างว่าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ก่อนจะติดต่อไม่ได้ และมารู้ทีหลังว่าถูกบล็อกทุกช่องทางการติดต่อ ทำให้ตนรู้สึกเสียใจมากๆ จนช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ฝ่ายหญิงทักมาว่า คืนดีกับสามีเก่าที่เป็นพ่อของลูกแล้ว และตนยังพยายามคุยปรับความเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม ตนได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษแล้วเมื่อเช้าวันนี้ ในข้อหาหลอกลวง ตนไม่ได้โกรธฝ่ายหญิง แต่อยากได้เงินคืนบางส่วน เพื่อนำเงินมาทำทุนต่อ และไม่อยากให้ฝ่ายหญิงไปทำแบบนี้กับใครอีก
ทั้งนี้ ทางฝ่ายหญิงได้ให้สัมภาษณ์ว่า นายธีรพงษ์ พูดกับสื่อไม่เป็นความจริง เงินทั้งหมดฝ่ายชายเป็นคนเต็มใจให้ และการคบหากันก็เกิดขึ้นจากความบริสุทธิ์ใจ ตนยังพาลูกสาวไปนอนที่บ้านนายธีรพงษ์ เพื่อไม่ปกปิดเรื่องลูก และหวังสร้างครอบครัวแต่ฝ่ายชายไม่ขยันทำงาน แค่รักกันจึงไปต่อไม่ได้ ตนขอให้ข้อมูลแค่นี้เพราะอาจมีผลต่อในชั้นศาล พร้อมกับฝากถึงนายธีรพงษ์ ว่า “โกหกและให้ข้อมูลเท็จกับสื่อแบบนี้ไม่ดี ไว้เจอกันที่ศาลแล้วกัน”
ขอบคุณ อมรินทร์ ทีวี