"ว่าที่เจ้าสาว" โต้ไม่เคยหลอกเอาเงิน "หนุ่มสุรินทร์" หลังหมั้นไปมาหาสู่กันนานกว่า 3 เดือน
15 พ.ค. 2563, 16:53
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายธีระพงษ์ แต้มทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/4 บ้านนา หมู่ 7 ต.ตรึม อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.เอกภูมิ พลศักดิ์ พนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยระบุว่า ถูกนางภัคฐิชา ทองทวี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 บ้านกอก หมู่ 3 ต.หนองแก้ว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งรู้จักกันเพราะว่าไปเที่ยวร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งที่นางภัคฐิชา ทำงานอยู่ แล้วเกิดชอบพอกันจนกระทั่งได้คบกันมานานประมาณกว่า 10 วันแล้วไปขอหมั้นด้วยเงินสด จำนวน 30,000 บาท สร้องทองหนัก 1 บาท และเงินค่าใช้จ่ายในการเตรียมจัดงานแต่งงาน เป็นเงินรวมแล้วกว่า 300,000 บาท แต่ต่อมาก่อนถึงวันแต่งงานไม่สามารถที่จะติดต่อว่าที่เจ้าสาวได้ โทรหาไม่รับ ส่งไลน์ไปหาไม่ตอบ ล่าสุด นางภัคฐิชา ได้ส่งไลน์มาบอกว่า ขณะนี้ได้กลับไปอยู่กับสามีเก่าแล้ว จึงขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายกับว่าที่เจ้าสาวของตนเอง โดยจะขอเงินค่าสินสอดและเงินต่าง ๆ คืน
ร.ต.อ.เอกภูมิ พลศักดิ์ พนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว และกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานว่า การกระทำดังกล่าวของนางภัคฐิชา จะเข้าข่ายผิดกฎหมายข้อใดบ้าง เช่น ฉ้อโกงหรือว่าผิดสัญญาหมั้น ซึ่งตนได้ออกหมายเรียกให้นางภัคฐิชา มาพบเพื่อเจรจากับนายธีระพงษ์ ในวันที่ 21 พ.ค. 63 เวลา 10.00 น.ที่ สภ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยนายธีระพงษ์ แจ้งว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการเจรจาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยขณะนี้ได้ส่งหมายเรียกไปยังนางภัคฐิชา เพื่อให้รับทราบเรียบร้อยแล้ว ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 80 บ้านกอก หมู่ 3 ต.หนองแก้ว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
ซึ่งบ้านเปิดเป็นร้านขายของชำได้พบกับ นางภัคฐิชา ทองทวี อายุ 43 ปี ว่าที่เจ้าสาวกำลังนั่งขายสินค้าอยู่ในบ้าน ซึ่งนางภัคฐิชาได้กล่าวว่า จากการที่ตนได้อ่านข่าวที่นายธีระพงษ์ ไปแจ้งความแล้ว ตนไม่คาดว่านายธีระพงษ์จะกล้าพูดความเท็จออกมา จากการที่คบกันมาแล้วตนเห็นว่า ไปกันไม่ได้เนื่องจากนายธีระพงษ์บอกว่า หากแต่งงานกันแล้วจะให้ตนไปอยู่บ้านเขา ตนไม่อยากไป ตนอยากอยู่บ้านตนเอง เมื่อนายธีระพงษ์ไม่ตกลงตนจึงบอกไปว่าขอทำงานก่อน ทำให้นายธีระพงษ์ไม่พอใจมากบอกว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้วจะไปแจ้งความ ตนรู้ทุกอย่างตนมีพยานหลักฐานหมด ตนไม่ได้กลับไปอยู่กับสามีเก่า แต่อยู่บ้านของตนเองมาตลอด การที่พูดออกไปเช่นนั้น เพราะว่าไม่ต้องการให้นายธีระพงษ์พูดอะไรมากไปกว่านี้ หากนายธีระพงษ์ จะเอาเงินค่าสินสอดทองหมั้นคืน ตนก็พร้อมที่จะคืนให้ แต่ว่า จะเป็นธรรมกับตนหรือไม่ เพราะว่า หลังหมั้นแล้วตนไปมาหาสู่กับนายธีระพงษ์ นานกว่า 3 เดือน โดยไปอยู่ที่บ้านของนายธีระพงษ์ สัปดาห์ละ 2- 3 วัน จากนั้น สัปดาห์ต่อมาตนจะกลับมาบ้านเพื่อเปิดร้านขายของตามปกติ เป็นอย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว ตนเป็นผู้หญิงเสียหายไปแล้ว ขณะนี้ตนได้นำเอาพยานหลักฐานไปมอบให้ทนายความเพื่อต่อสู้คดีแล้ว มีอะไรไปคุยกันที่ศาลอย่างเดียวเท่านั้น