จากกรณีสาวใจบุญ เจ้าของเฟซบุ๊ก รัตตา เทียนเนติสกุล แชร์เรื่องราวขอความช่วยเหลือครอบครัวคุณชาตรี ที่ยากจน เร่ร่อนไปเรื่อย อาศัยเพิงเก่าๆ  ใกล้กับโรงพยาบาล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา  จนต่อมามีหลายเพจดัง ช่วยกันแชร์ จนได้มีประชาชนร่วมเดินทางมามอบสิ่งของต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับทั้ง 4 ชีวิต ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงมีการบริจาคเงินให้มากมาย  

ต่อมา เฟซบุ๊ก รัตตา เทียนเนติสกุล ออกมาแจ้งข่าวว่า ครอบครัวนี้เกิดอุบัติเหตุ โดนรถชนแล้วหนี นำตัวส่งไปที่โรงพยาบาล ซึ่งเธอก็ได้ยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวนี้อีกครั้ง

และล่าสุดก็เกิดดราม่าขึ้น เมื่อเธอโดนครอบครัวนี้ ใส่ร้ายว่าอมเงินบริจาค จนต้องออกมาชี้แจงว่า 

เนื่องจากเคสครอบครัวพี่ชาตรีที่เราได้ช่วยเหลือ
พี่ชาตรีกับเมีย ได้พูดให้ร้ายเราในทางที่ไม่ดี
ซึ่งทำให้เราเสียหายอย่างมาก ถูกมองในภาพที่เป็นลบ

พี่ชาตรีและเมียได้ไปพูดต่อบุคลที่ 3 ว่าทางเราเก็บเงินบริจาคมาทั้งหมด ทำให้ตนเองไม่ได้เงินบริจาค อันนี้เราขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงค่ะ เราขอชี้แจงดังนี้ค่ะ

1.) บัญชีที่เปิดรับบริจาคเป็นชื่อ น.ส.เสาวณีย์ เมียพี่ชาตรี เราไม่สามารถเบิกเงินเองได้ แต่เราถือสมุดบัญชีไว้ให้ เพราะต้องอัพเดทยอดเงินลงเฟสบุ๊คให้คนที่บริจาคทราบตลอด ว่ายอดเงินถึงไหนแล้ว วัตถุประสงค์คือจะเอาเงินมาซื้อที่ดินและสร้างบ้านไม่ได้ ขอบริจาคมาใช้เล่นๆหัวๆ เราจึงต้องเก็บไว้
เพื่อประโยชน์ของพี่ชาตรีเอง แต่เขามีแอพโอนเงินในมือถือ มี ATM เพราะถ้าจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ
พี่ชาตรีเขาก็กดได้

2.) ยอดเงินที่ผู้ใจบุญนำมาบริจาคให้พี่ชาตรีและเมียซึ่งเป็นเงินสด เราถามว่าจะเอาไปเข้าบัญชีมั้ย ทุกเย็นพี่ชาตรีจะให้เราเอาไปเข้าบัญชีให้ มีหลักฐานการฝากเงินให้เขาตลอด ไปฝากให้จนทางธนาคารถามว่าเราทำอะไร มาฝากบ่อยจัง เราบอกฝากให้ผู้ยากไร้ แต่พี่ชาตรีกับเมีย ไปบอกกับบุคคลที่ 3 ว่า ทุกเย็นทางเราไปค้นกระเป๋าเอาเงินบริจาคมาทั้งหมดและไม่รู้เอาไปไหน เอาไปทำอะไร อันนี้ไม่เป็นความจริงค่ะ

3.) ระยะเวลาที่เกิดอุบัติเหตุเราได้เดินทางมาเฝ้าครอบครัวพี่ชาตรีที่โรงพยาบาล  ตั้งแต่เข้าห้องฉุกเฉิน จนพากลับไปนอนที่บ้านเรา และมันมียอดค่ารักษา จำนวน 23,483 ซึ่งรัตตา เป็นผู้เซ็นรับสภาพหนี้ไว้ทั้งหมด สามารถเช็กกับทางโรงพยาบาลได้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. เราพาพี่ชาตรีไปโรงพยาบาล เพื่อไปหาเมียกับลูก เราก็แจ้งพี่ชาตรีว่า มันมียอดที่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล พี่ก็ชาตรีให้ ATM พร้อมรหัสไว้ เพื่อให้ไปกดเงินจ่ายค่ารักษา เราเก็บไว้โดยไม่เคยไปกดเลยสักครั้ง และพยามหาทางที่จะช่วยไม่ให้เสียค่ารักษาตรงนี้ แต่ยังไงก็ต้องเสียทางโรงพยาบาลแจ้งว่ามันเป็นกฎของโรงพยาบาล เพราะรถไม่มี พรบ.

4.) วันที่ 7 พ.ค. โทรสอบถามพี่ชาตรีคุยเรื่องคดีและเรื่องจะทำบ้านไว้รอตอนออกจากโรงพยาบาลจะได้มีบ้านอยู่ พี่ชาตรีแจ้งว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือแล้ว ไม่เอาบ้าน ไม่ต้องบริจาคอะไรทั้งสิ้น ให้หยุดทุกอย่างไว้หมด จะดูลูก เราก็โอเค จึงแจ้งยกเลิกช่างและคนที่จะช่วยเหลือทั้งหมด

ครั้งนี้เราจำเป็นต้องกดเงินออกมาจ่ายค่ารักษา จำนวน 23,483 เรากด 23,500 ไปจ่ายที่โรงพยาบาล
เหลือเงินทอน 17 บาท แล้วพี่ชาตรีโทรมาต่อว่าเรา ว่ากดเงินเขาทำไม กดไปทำอะไร ทำไมไม่บอกเขา ทั้งๆที่เราคุยกับพี่ชาตรีแล้ว คือถ้าเขาไม่จ่ายเราก็ต้องมารับสภาพหนี้ เราต้องใช้หนี้แทน มันไม่ถูกต้อง

5.) วันที่ 8 พ.ค. เรานำสมุบัญชี ATM เอกสารสลิปกดเงิน หลักฐานการจ่ายค่ารักษาจากโรงพยาบาลของ รวบรวมเอกสารทุกอย่างทั้งหมดไปคืนพี่ชาตรี พี่ชาตรีแจ้งเราว่า ได้ปิดบัญชีกรุงไทย ชื่อเสาวณีย์แล้ว ส่วน ATM ก็อายัดแล้ว กดไม่ได้แล้ว ปิดบัญชีหมด เรื่องบ้านค่อยทำ เราก็เลยแจ้งว่า ถ้างั้นเราก็ไม่ยุ่งแล้วขอยุติทั้งหมด เราก็โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งให้ทุกคนได้ทราบ และลบเลขบัญชีที่เราโพสต์ไว้ออก

6.) เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ทางเราไปพบว่า พี่ชาตรีเปิดรับบริจาค โดยใช้บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี ชาตรี พิมเดช เลขที่ 678-2-58650-9 การขอรับบริจาค โพสต์โดยน้องผู้หญิงที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊ก Anda Thongpa ซึ่งพี่ชาตรีบอกกับน้องว่าทางเราเก็บเงินบริจาคไปหมด เขาไม่มีเงินเลย ถึงต้องขอให้น้องช่วยโพสต์ และเมียพี่ชาตรีไม่อยากให้เรารู้ น้องจึงช่วยโดยการบล็อคเฟสเรา  ซึ่งมารู้ทีหลังว่า น้องคนนี้ก็ถูกหลอกให้โพสต์ จนได้มาคุยกับทางเรา เรามีหลักฐานให้ดูทุกอย่าง น้องเลยเข้าใจ และเราก็ได้ลองโอนเงินไปเข้าบัญชีกรุงไทยที่ชื่อ เสาวณีย์ ที่บอกเราว่าปิดไปแล้ว แต่ปรากฎว่า ยังไม่ปิดบัญชี มันโอนเงินเข้าได้

7.) เรื่องของบริจาค พี่ชาตรีบอกว่าของเยอะแยะ กินไม่ทัน แกให้ทางเราเอาไปบริจาคต่อให้หน่อย เราก็เอารถไปขน แล้วมาแพ็คใส่ถุงที่บ้าน มาม่า ข้าวสาร ไข่ไก่ นมเด็ก พอแพ็คเสร็จขี่รถตะเวณแจกคนจนที่เขายากไร้ แต่พี่ชาตรีไปเล่าบุคคลที่ 3 ว่าทางเราเอารถไปขนของบริจาคมาหมด ไม่รู้เอาไปไหน อันนี้ไม่เป็นความจริงค่ะ พี่ชาตรีอนุญาตให้เราเอาไปแจกแทน เราก็เอาไปแจก มีหลักฐานคือคลิปเสียงที่คุยกับพี่ชาตรี และมีรูปถ่ายของคนที่รับทุกคน และมีผู้ใหญ่ เป็นผู้ช่วยประสานงานแจกคนจนต่อค่ะ

เราไม่เข้าใจว่าทางเขาทำไปเพื่ออะไร เงินใครๆก็อยากได้เราเข้าใจ แต่ไม่ใช่โลภจนเกินพอดี โลภจนทำให้คนอื่นที่ช่วยเหลือต้องมาเดือดร้อน เราช่วยเราไม่เคยอยากออกสื่อ นักข่าวโทรมาเราปฏิเสธหมด เราไม่เคยอยากได้หน้า เราช่วยเพราะสงสารเด็ก แต่ที่ออกมาโพสต์ คือรับไม่ได้จริงๆ กับพฤติการแบบนี้
และถ้าพี่ชาตรีไม่หยุดการกระทำที่กล่าวหาเราในทางอันเป็นเท็จนี้ ทางเรากับน้องจะไปแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

 

และต่อมาเฟซบุ๊ก  Anda Thongpa คนที่ถูกครอบครัวนี้หลอกให้โพสต์รับบริจาคก็ออกมาเผยว่า 

หลายๆท่านคงได้รับทราบการกระทำของพี่ชาตรีและภรรยาไปบ้างแล้วนะคะ ซึ่งทางผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ดูแลเคสพี่ชาตรีได้รับทราบเรื่องทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเเละลงความคิดเห็นว่าพี่ชาตรีและภรรยานั้นอาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลืออีกต่อไป

หลายๆท่านที่ไปพบกับพี่ชาตรีด้วยตัวเองจะทราบว่าพี่ชาตรีและภรรยาได้พูดโน้มน้าวใจให้ผู้ช่วยเหลือมอบเป็นเงินสดให้หรือให้เลขบัญชีของตัวเอง ถามว่าผิดไหมมันไม่ผิดหรอกค่ะ เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องคุณธรรมล้วนๆ นอกจากนี้ยังได้กล่าวให้ร้ายพี่หมีหรือชื่อในเฟซบุ๊ก รัตตา เทียนเนติสกุล และครอบครัวของพี่หมี ซึ่งเป็นผู้เข้าไปให้ความช่วยเหลือเป็นกลุ่มแรกและเเน่นอนค่ะว่าโดนทุกท่านไม่ใช่แค่ตัวผู้โพสต์โดนคนเดียว

โดยตัวผู้โพสต์โดนทำนองว่าของไม่อยากได้แล้วอยากได้เป็นเงินสดมากกว่าและได้ให้เลขบัญชีมาต่างหากเพื่อที่จะได้ขอรับบริจาค2บัญชีพร้อมกัน

ฝากไว้ให้คิด วันก่อนฝนตกนั้นของที่บริจาคบางชิ้นที่เป็นของทานเช่น KFC ได้โดนเมินอย่างไม่ใยดีของบางอย่างที่เป็นของใช้ในสภาพใหม่โดนทิ้งเช่นผ้าอนามัย รองเท้าเด็ก ก็เช่นกันซ้ำยังทราบข่าวว่าเงินที่ผู้ใจบุญได้บริจาคไปพี่เขาได้นำเงินไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ใช้  ซึ่งทั้งหมดนี้ขัดจากความเป็นอยู่ของเขาไหมค่ะเก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็นไม่ดีกว่าหรอ เพราะเครื่องที่ใช้ก็ไม่ได้พังอะไรและยังเป็นสมาร์ทโฟนอยู่เลย

ประเด็นทั้งหมดที่พูดมาคือเรื่องนี้ค่ะ
จะขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆในกลุ่มเฟสบุ๊คที่ได้ให้ความช่วยเหลือพี่ชาตรีไม่ว่าจะเป็นเงินสดเงินโอนหรือว่าสิ่งของว่าถ้าเราสามารถนำที่ดินและยอดเงินที่ทุกท่านบริจาคทั้งหมดคืนมาได้เราควรทำอย่างไรดีค่ะ
1.สถานสงเคราะห์บ้านเด็กมิตรภาพ นครราชสีมา
2.สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งบ้านเมตตา
3.สถานสงเคราะห์บ้านคนชราบ้านธรรมปกรณ์(วัดม่วง)
ทุกท่านสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้เลยนะคะ

เเละสุดท้ายนี้อยากบอกพี่ชาตรีว่าผิดหวังกับการกระทำที่ได้รับมากๆอย่าให้ทุกอย่างมันสายไปเพราะถ้าจะกลับไปแก้ไขมันไม่ได้อีกแล้วเพราะไม่คิดว่าจะเอาความหวังดีของคนอื่นมาล้อเล่นเเละนำมาเป็นเครื่องมือเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองควรพอได้เเล้วค่ะ

เงินตกใส่หญ้า หญ้าก็ตาย
เงินตกใส่ทราย ทรายก็ทรุด
เงินตกใส่มนุษย์ มนุษย์ไร้คุณธรรม