ประมงจังหวัดสกลนคร ร่วมกับ จนท. - ชาวบ้าน ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกุ้งก้ามกราม กว่า 7 ล้านตัว
25 พ.ค. 2563, 15:13
วันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ แหล่งน้ำห้วยหนองไผ่ บ.โคกสามัคคี ต.ต้นผึ้ง อ.พังโคน จ.สกลนคร จ.ส.อ.คำนึง พรหมพิมพ์ นายอำเภอพังโคน นางสาวเรณู สิริมงคลถาวร ประมงจังหวัดสกลนคร ร่วมกับเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำได้แก่กุ้งก้ามกราม จำนวน 200,000 ตัว ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจมีราคาแพงลงในแหล่งน้ำ เพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนได้บริโภคอาหารที่มั่นคง นอกจากนี้ยังสร้างรายได้จากการจำหน่ายอีกด้วย โดยพันธุ์กุ้งที่ปล่อยมี ขนาด 5-7 เซนติเมตร โดยมีคณะกรรมการดูแลแหล่งน้ำจัดหาสถานที่ให้กุ้ง หาอาหารให้กุ้ง และห้ามจับสัตว์น้ำเป็นระยะเวลา 4 เดือน ให้กุ้งเจริญเติบโต จึงจะสามารถจับขึ้นมาบริโภคและนำไปจำหน่าย สร้างรายได้ให้กับชุมชนของตนเอง โดยในพื้นที่ของอำเภอพังโคน ยังได้ปล่อยกุ้งก้ามกรามลงแหล่งน้ำ รวม 15 แห่งๆ ละ 200,000 ตัว นอกจากนี้ ยังได้ปล่อยพันธุ์กุ้งก้ามกราม ลงสู่แหล่งน้ำอีก 2 อำเภอ คือ ที่อำเภอกุสุมาลย์ 10 แห่ง และโพนนาแก้วอีก 13 แห่ง รวมทั้ง 3 อำเภอ จำนวน 38 แห่งๆ ละ 200,000 ตัว รวมจำนวน 7,600,000 ตัว ในระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2563
นางสาวเรณู สิริมงคลถาวร ประมงจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า หลังจากที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่รับทราบปัญหาอุทกภัยจากพายุโคดุล และคาจิกิ และสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงจัดหาพันธุ์สัตว์น้ำ คือกุ้งก้ามกรามมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน โดยทั่วประเทศมี 19 จังหวัด ในแหล่งน้ำ 1,436 แห่ง การปล่อยพันธุ์กุ้งก้ามกราม อายุ 3 เดือน ขนาด 5 เซนติเมตรขึ้นไปนั้น เพื่อเป็นการลดระยะเวลาในการเจริญเติบโต และเพิ่มอัตรารอดให้สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตกุ้งก้ามกรามเพิ่มขึ้น จำนวน 3,000 กิโลกรัมต่อแหล่งน้ำ โดยก่อนปล่อยพันธุ์กุ้งก้ามกรามคณะกรรมการแหล่งน้ำ พร้อมด้วยประชาชนในชุมชน ได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมให้กับแหล่งน้ำ ด้วยการสร้างที่หลบซ่อนและการสร้างอาหารธรรมชาติในแหล่งน้ำ รวมทั้งมีการกำหนดกฎกติกาในการจับสัตว์น้ำของชุมชนด้วย เพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแหล่งน้ำ ให้มีผลผลิตสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสให้กับประชาชนในการเข้าถึงทรัพยากรของชุมชน เป็นการพัฒนาศักยภาพของชุมชน ในด้านผลผลิตสัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูงอีกด้วย รวมถึงให้ประชาชนมีกิจกรรมร่วมกัน สร้างความสามัคคีในช่วงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ในช่วงโควิดด้วย