ในยุคสมัยที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงในระบบทีวีดิจิตอล การที่จะปั้นพระเอก-นางเอกหน้าใหม่ ขึ้นมาประดับวงการ ก็ต้องใช้เวลาหลายปี ต้องเล่นละครหลายเรื่องกว่าที่จะคุ้นหน้าคุ้นตาและเป็นที่ยอมรับของแฟนละคร ที่ผ่านมาช่อง7จะพยายามปั้นดาวดวงใหม่มากมาย ไม่ว่าจะดึงมาจากเวที ไทยซุปเปอร์โมเดล ,มิสทีนไทยแลนด์ หรือ สมาร์ท บอย แต่ดาวดวงใหม่นั้น ก็ใช่ว่าจะเปล่งแสงได้ในทันที ต้องผ่านการปลุกปั้น เพาะบ่ม ฝึกปรือฝีมือ กว่าจะได้ออกมาสู่สายตาแฟนละคร ถ้าโชคดีหน่อย เล่นเรื่อง1-2เรื่อง แล้วดังเลย ก็ดีไป เพราะช่องก็จะได้พระเอก-นางเอก หลังข่าวเพิ่มขึ้น  แต่หลายคนก็กว่าจะดังเป็นที่ยอมรับได้ ก็ปาไปเรื่องที่7-8 มิหนำซ้ำ พอเริ่มมีชื่อเสียง พระเอก-นางเอกเหล่านั้นก็ไม่อยากต่อสัญญา ก็มีมาแล้ว ดังนั้นเท่ากับว่า สิ่งที่ปลุกปั้น เพาะบ่มมาก็เหมือนจะเหนื่อยเปล่า  เพราะเหมือนกับว่าปั้นดังแล้ว ไปต่อยอดให้ช่องอื่นซะงั้น

ถึงแม้ว่าช่อง7 จะมีความเป็นแมสและเข้าถึงกลุ่มคนต่างจังหวัดได้มากกว่า ทำให้เรตติ้งสูงกว่าช่องอื่นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับก็คือในยุคนี้ใครๆ ก็ทำละครกันทั้งนั้น  ตรงนี้เองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ดาราหลายคนเลือกที่จะเป็นดาราอิสระ เพราะมีหลายช่องดิจิตอลเปิดโอกาสรับดาราอิสระมาร่วมงาน และยื่นข้อเสนอดีๆ จนทำให้ดาราบางคน จากที่เคยมีสังกัดอยู่ ก็เปลี่ยนความคิดอยากเป็นดาราอิสระได้ในทันที ซึ่งดาราเหล่านั้นมักจะมีเหตุผลตอบนักข่าวสวยๆว่า อยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ 

 

และทำไมช่องดิจิตอลเหล่านั้น ถึงอยากได้ดาราอิสระกันนัก โดยเฉพาะ พระเอก-นางเอกที่มีฐานชื่อเสียงอยู่แล้ว  ก็เพราะไม่ต้องเสียเวลาปั้นใหม่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปั้นใหม่กี่ปีถึงจะดัง  สู้ดึงพระเอก-นางเอก ที่ดังอยู่แล้วดีกว่า ลดเวลา ลดต้นทุนการปั้น แถมยังได้กระแส ได้ฐานแฟนคลับของดาราเหล่านั้นมาด้วย ซึ่งรวมถึงอาจจะได้เรตติ้งเพิ่มขึ้นด้วย โดยในวงการรู้กันว่าคือกลยุทธ์  "พลังดูด" 

 

ดังนั้นจึงไม่แปลกเลย ว่าทำไมนักแสดงตัวท็อปของช่อง7 จึงหายไปมากขนาดนี้ อาทิ  ยุ้ย จีรนันท์, ขวัญ อุษามณี , ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ , นิว วงศกร  ,ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก , เกรซ กาญจน์เกล้า , กรีน อัษฎาพร , พีค ภัทรศยา  ปู ไปรยา  ,จั๊กจั่น อคัมย์สิริ , ใหม่ ดาวิกา , แพนเค้ก เขมนิจ ,  โบว์ เมลดา ,  ซี ศิวัฒน์ เป็นต้น รวมถึงค่ายผลิตละครเบอร์หนึ่งของช่อง7 อย่าง "พอดีคำ" ที่ไม่คิดว่าจะไป ก็ไป หรือ ค่ายผลิตนางงามอย่าง "มิสแกรนด์" และรายการเพลงเรตติ้งอันดับหนึ่งอย่าง "กิ๊กดู๋" ก็ยังไป 

 

แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ยกตัวอย่างข้างต้น ทุกคน ทุกค่าย ล้วนมีเหตุผลของตัวเอง บางคนก็ไปเพราะธุรกิจจริงๆ เพราะอิ่มตัวแล้วจริงๆ แต่หลายรายก็ไปเพราะกลยุทธ์  "พลังดูด" จากช่องดิจิตอลเงินหนา  งานนี้ต้องคอยดูว่าช่อง7 จะแก้เกมอย่างไร จะปั้นใหม่เรื่อยๆ เพื่อรอวันถูกดูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือจะดูดคืนมาบ้าง ยื่นข้อเสนอที่เหนือกว่าคู่แข่งบ้าง ก็ขึ้นอยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้บริหารล้วนๆ เพราะหมากเกมนี้ อยู่ที่ผู้บริหาร ว่าจะเดินเกมรบอย่างไร   เพราะหากปล่อยไว้อย่างนี้ ดาราตัวท็อปก็ร่อยหรอลงไปทุกที เพราะกลยุทธ์  "พลังดูด"  ไปกองกันอยู่ช่องเดียว  จนแฟนละครแซวว่า ช่อง7สาขาสอง และเร็วๆนี้ แว่วว่า จะมีอีกคน ที่เตรียมโบกมือลา