ฝากขัง "หนุ่มบิ๊กไบค์" ขู่กรรโชกทรัพย์ ทองและเงินมูลค่ากว่า 60,000 บาท เจ้าตัวขอใช้กรรมรับผิด
30 พ.ค. 2563, 17:27
วันที่ 30 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ชนัญ์พัส สระบัวบาน รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ บุรีรัมย์ นำตัวนายอรรฆเดช ขันน้อย อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ หลังถูกตำรวจกองปราบ จับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ย่านศาลยา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ตามหมายศาลจังหวัดบุรีรัมย์
เนื่องจากไปก่อเหตุ ขับรถบิ๊กไบค์สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้าไปขู่กรรโชก เรียกเงิน 250,000 บาท พระอธิการศักดิ์ วิสุทธสีโล เจ้าอาวาสวัดกมลาวาส หมู่ที่ 6 ต.บ้านดู่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ แต่ได้เงินไป 5,000 บาทและสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทอีก 1 เส้น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่นายอรรฆเดช ถูกขังอยู่ในห้องขังของ สภ.นาโพธิ์ ได้ตะโกน ออกมาเป็นระยะ ว่า”อยากเจอนักข่าว”เจ้าหน้าที่จึงอนุญาตให้มาพบนักข่าว ระหว่างที่จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์
โดยนายอรรฆเดช บอกว่า ถึงเวลานี้ไม่ต้องปิดหน้าผม ตอนนี้ยอมรับผิด และยอมรับกรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะไม่ขอประกันตัวเอง และไม่อยากพบญาติ แต่ข้องใจพระที่พูดไม่หมด ความจริงแล้วพระดื่มเหล้า เพราะมีคลิปเสียง แต่อยู่กับตำรวจกองปราบ ส่วนทองที่บอกว่าตนเอาไป 3 บาทนั้นไม่เป็นความจริง ได้ไปเพียง 2 บาทเท่านั้น กรณีที่ไปบริษัทไฟแนนท์ พระเป็นคนชวนไปเองเพื่อต้องการปิดคดี และไม่ได้ใช้ปืนไปข่มขู่แต่อย่างใด คำพูดของพระไม่เป็นความจริงทั้งหมดตนกล้าท้า
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้ไปก่อเหตุอีก 1 คดีหรือไม่ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ นายอรรฆเดช ยอมรับว่าได้ไปขู่เอาเงิน 10,000 บาท พร้อมเหล้าอีก 2 ขวดจริง เพราะช่วงนั้นจังหวัดบุรีรัมย์ประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงโควิด-19 ซึ่งมีโทษปรับสูง
จากการสอบถามอัญชลี พงษ์ถาวร อายุ 33 ปี แม่ค้าขายของชำซึ่งอยู่ปากทางเข้าวัด กมลาวาส กล่าวว่า ได้ทราบข่าวมาโดยตลอดตั้งแต่เกิดเรื่อง ยืนยันว่าพระอธิการศักดิ์ วิสุทธสีโล เจ้าอาวาสวัด ไม่มีประวัติการดื่มสุรามาก่อน ที่ผ่านมาเมื่อ 5-6 ปียอมรับว่ามีพระวัดนี้ดื่มจริง แต่ถูกไล่สึกออกหมดแล้ว
ขณะพระอธิการศักดิ์ วิสุทธสีโล เจ้าอาวาสวัด ได้ออกมายืนยันครั้งสุดท้ายว่า ตั้งแต่บวชมาไม่เคยดื่มสุรา ส่วนโลกโซเชียล ที่ตำหนิหลวงพ่อว่า”ถ้าไม่เป็นจริงจะให้เงินเขาทำไม”ถ้าใครไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร แต่ก็อโหสิทุกคำตำหนิ ขึ้นอยู่กับใครจะเชื่อใคร
สำหรับคดีดังกล่าวตำรวจได้ตั้งข้อหานายอรรฆเดช ฐานกรรโชกทรัพย์ ,พกพาอาวุธปืน และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำตามนั้น ซึ่งยังไม่รวมกับคดีที่ก่อเหตุที่ อ.เฉลิมพระเกียรติอีกหนึ่งคดี///////////////
Recommend News
MOST POPULAR
