ศาลอุทธรณ์สั่งประหาร "บังฟัต - ลูกน้อง" คดีฆ่ายกครัว 8 ศพ
9 ก.ค. 2562, 15:10
จากคดีนายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี พร้อมกับพวก รวม 8 คน ร่วมกันก่อเหตุสังหารโหดนายวรยุทธ หรือผู้ใหญ่บัติ สังหลัง อายุ 46 ปี อดีต ผญบ.หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมครอบครัวและญาติๆ รวม 8 ศพ ที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 ต.บ้านกลาง
โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 10 ก.ค. 60 นายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต พร้อมพวก รวม 8 คน แต่งกายชุดคล้ายทหารบุกเข้าไปจับตัวนายวรยุทธ สังหลัง และคนในครอบครัว ญาติๆรวม 11 คน ไว้ตามห้องต่างๆภายในบ้านพัก จากนั้นใช้อาวุธปืนของนายวรยุทธ จ่อยิงศีรษะทีละคนแต่มีผู้รอดชีวิต 3 คน สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งเรื่องโฉนดที่ดิน ที่พ่อตานายวรยุทธ นำไปจำนองไว้กับนายซูริก์ฟัต จนกระทั่งได้มีการผ่อนชำระหมด แต่นายซูริก์ฟัต นำที่ดินไปจำนองไว้กับทางธนาคาร ไม่สามารถนำหลักฐานที่ดินกลับมาคืนให้ได้ มีการทวงถามกันหลายครั้งกลายเป็นความขัดแย้ง นายซูริก์ฟัตจึงวางแผนก่อเหตุ โดยจัดฉากว่านายวรยุทธ เครียดเรื่องหนี้สินก่อเหตุฆ่าคนในครอบครัว และฆ่าตัวตายตาม
ต่อมาศาลชั้นต้น ตัดสินคดีเมื่อวันที่ 28 มี.ค.61 โดย พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-6 ประกอบด้วยนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือ บังฟัต อายุ 41 ปี 2.นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) อายุ 36 ปี 3.นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี. 4.นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี 5.นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี 6.นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี ส่วนจำเลยที่ 7 นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี พิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน และ จำเลยที่ 8 น.ส.ชลิดา สังข์โชติ อายุ 41 ปี ภรรยานายชูริก์ฟัต ถูกตัดสินจำคุก 12 เดือน ซึ่งจำเลยที่ 7 กับ 8 รับโทษครบตามกำหนดแล้ว ฝ่ายจำเลยที่ 1-6 ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน ส่วนอัยการ จ.กระบี่ และทนายฝ่ายโจกท์ ยื่นอุทธรณ์ ให้พิจารณาในส่วนของจำเลยที่ 7 กับ 8 เพื่อให้รับโทษเพิ่มขึ้น ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 8 นัดอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่นายธวัฒชัย บุญคง จำเลยที่ 7 ไม่เดินทางมาศาลตามนัดโดยอ้างว่าไม่ทราบว่ามีหมายศาล ศาลจึงนัดเลื่อนอ่านคำพิพากษาเป็นวันที่ 9 ก.ค.นั้น
โดยเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 ก.ค. ผู้พิพากษาศาล จ.กระบี่ ขึ้นนั่งบัลลังก์ที่ 1 อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 กรณีพนักงานอัยการยื่นอุทธรณ์คำตัดสินศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.61 ซึ่ง โดยบรรยากาศในวันนี้ ญาติผู้เสียชีวิต 8 ศพ นำโดยนายจรีย์ บุตรเติบ อายุ 60 ปี พ่อตาของผู้ใหญ่บัติ พร้อมด้วย น.ส.อัญชลี บุตรเติบ อายุ 33 ปี บุตรสาวผู้รอดชีวิต เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย ขณะที่จำเลยที่ 7 คือนายธวัฒชัย บุญคง พร้อมด้วย น.ส.ชลิดา สังข์โชติ จำเลยที่ 8 เดินทางมาศาลเช่นกัน ผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษาว่า จำเลยที 7 ได้ให้การยอมรับในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การ ว่าในวันเกิดเหตุ จำเลยได้พกอาวุธปืนช่วยคุมเชิงอยู่นอกบ้าน และคุมตัวผู้ตายที่ 1 ไว้ในรถก่อนที่ผู้ตายที่ 1 จะถูกนำตัวไปยิงในบ้าน บ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่ 7 มีเจตนาร่วมกระทำความผิด ตั้งแต่ต้น จึงพิพากษาให้จำเลยที่ 7 คือนายธวัฒชัย บุญคง มีความผิดตามข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 5 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษสูงสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ให้ลงโทษประหารชีวิต และให้จำเลยที่ 7 ร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมกับจำเลยที่ 1-6 ให้แก่ผู้ร้องที่ 1 และ 2 เป็นเงิน 630,000 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 3 จำนวน 1,445,000 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 4 จำนวน 962,500 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 5 จำนวน 2,402,500 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 6 จำนวน 420,000 บาท ให้ชดใช้ผู้ร้องที่ 7 จำนวน 720,000 บาท ให้ชดใช้ผู้ร้องที่ 8 จำนวน 960,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 8 ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคำอุทธรณ์ ในข้อหารับของโจรโดยเหตุฉกรรจ์ ซึ่งศาลพิเคราะห์ว่า จำเลยไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง
ด้านนายจรีย์ บุตรเติม และ น.ส.อัญชลี บุตรเติบ ญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า พอใจในคำพิพากษา ของศาลในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่พอใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากจำเลยที่ 8 ไม่ได้รับโทษเพิ่ม ซึ่งหลังจากนี้จะได้ปรึกษากับอัยการอีกครั้ง เพื่อที่จะดำเนินการยื่นฎีกาหรือไม่ ต่อไป
ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ สารภี ทนายจำเลยที่ 8 กล่าวว่า หลังฟังคำพิพากษาในวันนี้ ในส่วนของจำเลยที่ 1 -6 ศาลไม่ได้อ่านคำพิพากษาในวันนี้ เนื่องจาก จำเลยที่ 1-6 ซึ่งต้องโทษประหารชีวิตถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ จ.นครศรีธรรมราช ไม่สามารถมาฟังคำพิพากษาได้ ซึ่งศาลจังหวัดกระบี่จะส่งคำพิพากษาไปยังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่ออ่านให้จำเลยที่ 1- 6 ได้ฟังต่อไป โดยศาลจะนัดวันอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง