วันนี้ ( 3 มิ.ย.63 ) แพทย์หญิง พรรณประภา ยงค์ตระกูล  ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่าปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการติดโรคโควิด-19 มาจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายก่อนหน้า อาชีพเสี่ยง รวมถึงผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไปสถานที่ชุมชน ทั้งนี้เมื่อมีการผ่อนปรนในระยะที่ 3 ที่มีกิจการและกิจกรรมหลายประเภทกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ แต่ถือเป็นความปกติแบบวิถีชีวิตใหม่ จึงขอเน้นย้ำว่าประชาชนต้องไม่ย่อหย่อนในการป้องกันตนเอง สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือและเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการเช็คอินในสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้มีประสิทิภาพสูงสุดและหากสถานการณ์เป็นไปด้วยดีก็จะนำไปสู่การผ่อนปรนในระยะที่ 4 ต่อไป

สำหรับสถานการณ์ต่างประเทศ ขณะนี้มีผู้ป่วยทั่วโลกสะสมอยู่ที่ 6,485,571คน และเสียชีวิต 382,412 คน โดยผู้ป่วยเพิ่มมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา บราซิลและรัสเซีย ขณะที่ในแถบเอเชีย มีอินเดีย ปากีสถานและบังคลาเทศ ที่ตัวเลขผู้ป่วยยังคงเพิ่มสูง ทั้งนี้สิ่งที่น่าจับตาคือ สถานการณ์ในประเทศดูไบ ที่มีการเปิดชายหาดให้คนมาพักผ่อนและมีประชาชนมารวมกันจำนวนมาก แต่พบว่าไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยง ขณะที่ประเทศอังกฤษ กังวลอาจมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลให้มีการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ด้านประเทศคองโก พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ซึ่งมีผู้ป่วยแล้ว 11 ราย เสียชีวิต 4 ราย ส่วนในประเทศไทยมีการเฝ้าระวังการติดเชื้อของโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เนื่องจากประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยของปีนี้ลดลงจำนวนมาก