"จับแก๊งอุ้มบุญ" สารภาพติดปัญหาโควิดส่งเด็กไม่ได้ ตร.เตรียมขยายผลจับชาวจีนตัวการใหญ่
17 มิ.ย. 2563, 19:26
เวลา 17.30 น.วันนี้ 17 มิ.ย.63 พลตำรวจโท มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เดินทางไปที่ สถานีตำรวจภูธรแสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี เพื่อไปสอบสวนหญิง 5 คน ซึ่งเป็นแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ ร่วมกับเอเย่นชาวจีน เพื่อส่งไปให้พ่อแม่ที่อยากได้บุตร และเจาะจงเป็นลูกชายเท่านั้นที่ประเทศจีน
กรณีพันตำรวจเอก ฐิตวัฒน์ สุริยะฉาย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ร่วมกับ พ.ต.อ.ธนเสษฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สภ.แสนสุข และทีมสืบจังหวัดชลบุรี ตามจับกุมแก๊งอุ้บุญข้ามชาติ ได้ผู้ต้องหา 5 คน ประกอบด้วย
นางสาว พรทิวา แร่มี หรือวัน (พี่สาว มลิษา) อายุ 25 ปี เป็นเอเยนส์ใหญ่ฝั่งประเทศไทย(นกต่อ) มีหน้าที่ธุระจัดหาชักชวน ให้หญิงไทยไปรับจ้างอุ้มบุญ
นางสาว มลิษา สองเมือง (น้องสาวของพรทิวา) มีหน้าที่ ทำตามคำสั่งของ พทิวา พาหญิงอุ้มบุญไปพาหญิงอุ้มบุญไปตรวจร่างกาย รพ.และพาไปฝังตัวอ่อนที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เป็นผู้ดูแลบัญชีรับจ่าย และจ่ายเงินตามงวดต่าง ๆ ให้หญิงอุ้มบุญ และพาไปทำคลอดที่ปรพเทศกัมพูชาหรือจีน
(คนกลาง) ไม่เอ่ยนาม มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลหญิงอุ้มบุญ
อีก 2 คน ชื่อ เก๋กับเปิ้ล เป็นหญิงอุ้มบุญ ที่คลอดทารกแล้ว แต่ไม่สามารถเอาลูกส่งไปประเทศจีนได้ เพราะติดการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด 19
ทั้งหมดให้สารภาพ
พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 กล่าวว่า จากการสอบสวน เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา พันตำรวจเอก ธนเสฏฐ์ ผกก.สภ.แสนสุข ได้รับการร้องเรียนผ่านระบบโซเซี่ยวว่า มีหญิง 3 คน ในหมู่บ้าน มณีรินทร์ โมเดิร์นโฮม เลขที่ 100/66 ม.6 ต.บ้านปึก อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงได้สืบสวน และขออนุมัติหมายค้น จนพบว่า นางสาวเพ็ญนภา วัฒนอินทร์ อายุ 35 ปี (พี่สาว) รับจ้างอุ้มบุญ อายุครรภ์ 8 เดือน และ นางสาว ประกายแก้ว พุธโชค อายุ 30 ปี รับจ้างอุ้มบุญ 3 ครั้ง แต่สามารถตั้งครรภ์ได้ รับสารภาพซักทอดว่า
นางสาว เพ็ญนภา รับจ้างอุ้มบุญแทน เนื่องจาก นางสาว ประกายแก้ว รับจ้างอุ้มบุญอุ้ม 3 ครั้ง แต่ไม่ติด โดยรับค่าจ้างตั้งแต่ฝังตัวอ่อนติดท้อง จนกระทั่งคลอดได้รับเงิน 450,000 บาท
พอ น.ส.เพ็ญนภา ตอบรับอุ้มบุญ นางสาวพรทิวา ซึ่งเป็นเอเยนส์ฝั่งไทย ก็จะเป็นลูกน้องเอเยนใหญ่ชาวจีน จะเข้าเจรจาตกลง บอกขั้นตอนการรับค่าจ้างตั้งครรภ์
จากนั้น น.ส.มลิษา หรือจิน ก็จะไปพา น.ส.เพ็ญนภา ไปตรวจเยื่อผนังมดลูกที่คลินิก ใน กทม. หากพบว่าเยื่อผนังมดลูกสามารถตั้งครรภ์ ต่อไปก็พาไปฝังตัวอ่อนที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยพักอยู่ในประเทศกัมพูชา 10 วัน แล้วก็จะกลับมาประเทศไทย
จากนั้น ก็จะพาไปฝากครรภ์ ที่ รพ.พญาไท2 หรือก็เป็น รพ.เกษมราษฎร์ และเมื่อมีการตรวจครรภ์ทุกเดือน ก็จะส่งผลการตรวจทุกอย่างไปให้ เอเยน์ชาวจีน เพื่อดำเนินการส่งให้กับพ่อแม่เด็ก
พอใกล้คลอดก็จะพาไปทำคลอดที่ประเทศจีนหรือไม่ก็ประเทศกัมพูชา แล้วแต่ เมื่อคลอดเสร็จก็จะแยกลูกไปเลย เพราะไม่ต้องการให้มีความผูกพันกับหญิงอุ้มบุญ
พล.ต.ท.มนตรี ยังกล่าวอีกว่า เอเยน์ใหญ่เป็นจีน ที่เดินทางเข้าในประเทศไทย ในรูปแบบของบริษัททัวร์ไทย-จีน โดยจะเอาตัวอ่อนและสเปริ์มของพ่อแม่ชาวจีนมาจากประเทศจีน แฝงมากับการเดินทางของนักท่องเที่ยว
และประเทศอื่น จะไม่สามารถอุ้มบุญเลือกเพศได้ ในราคา 1-2 ล้านหยวน แต่ประเทศไทยถูกว่า แค่ราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท ก็สามารถเลือกเพศได้ โดยมักจะเลือกเพศชาย และที่ผ่านมา ก็ตั้งครรภ์ไปแล้ว 4 คน สามารถส่งถึงมือพ่อแม่ที่จีนได้ 1 คน ส่วนอีก 3 คนไม่สามารภส่งเด็กไปได้ เพราะติดเรื่องโรคระบาดโควิด 19
จากการสอบสวนทราบว่า ยังมีหญิงอุ้มบุญที่ยังตั้งครรภ์รอคลอดอยู่ในประเทศไทยอีกประมาณ 7-8 คน ซี่งกำลังจะขยายผลจับกุมไปชาวจีนด้วย