เศร้าใจ ยายเปิดใจถูกหลานแท้ๆ ทำร้ายร่างกายยอมตัดลูกตัดหลานจากนี้เป็นต้นไป
18 มิ.ย. 2563, 20:21
วันนี้ (18 มิ.ย.63) จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิป หญิงวัยรุ่นด่าทอและทำร้ายร่างกายหญิงชรา ความยาว 3.52 นาที พร้อมกับเขียนแคปชั่นว่า “เสื่อม! อ้างแก๊งหลานรวมหัว แกล้งทำร้ายคุณยาย (อุดรธานี) ญาติคุณยาย เหตุเกิดพื้นที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เหตุเกิดพื้นที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี”โดยมีผู้เข้าชมและแชร์จำนวน ต่างเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น เป็นเรื่องที่เศร้าใจ สงสารยาย และตั้งคำถามว่าคนถ่ายคลิปทำไมไม่ห้าม แถมยังมีการหัวเราะ เสี้ยมและเชียร์ แทน
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของยายที่ปรากฏในคลิปที่ ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ พบนางสม (นามสมมุติ) อายุ 64 ปี คุณยายผู้ที่ถูกหลานสาวแท้ๆ มาทำร้ายร่างกาย และนางกุ้ง นามสมมุติ อายุ 40 ปี บุตรสาวคนโต โดยนางสม ได้เปิดให้ดูที่ชายโครงซ้ายที่มีรอยฟกช้ำ พร้อมใบรับรองของแพทย์ และสำเนาแจ้งความดำเนินคดีกับลูกสาวและหลานสาว ที่ทำร้ายร่างกายของยายสม พร้อมเล่าว่า ตนเป็นแม่ม่าย สามีตาย มีลูก 3 คน มีนายเสือ นามสมมุติ ลูกคนโต นางกุ้ง นามสมมุติ ลูกคนที่ 2 และ นางปู นามสมมุติ ลูกคนที่ 3 ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และอยู่ที่บ้านของนายเสือ ลูกคนโต โดยมีนางปู ลูกสาวคนเล็กสร้างบ้านอยู่ใกล้กัน ซึ่งปกติจะทะเลาะโต้เถียงกับนางปู ลูกสาวคนเล็กตลอด แต่ไม่ถึงทำกับลงมือทำร้ายกัน
ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี น.ส.ฝน นามสมมุติ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนางกุ้ง แต่งงานไปอยู่ จ.นครพนม กลับมาอาศัยอยู่กับนางปู ซึ่งเป็นน้า ไม่ยอมมาอยู่กับแม่และยาย โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยไม่ยอมพูดกับนางกุ้ง ซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ก่อนเกิดเหตุ วันที่ 14 มิถุนายน ขณะที่ตนนอนอยู่ในบ้าน น.ส.ฝนและลูกสาวของนางปู ได้จุดประทัดเสียงดัง ซึ่งตนสังเกตว่าหลานจุดประทัดมาหลายวันแล้ว เพราะเป็นประเพณีสืบทอดกันมาว่า หากมีคนเสียชีวิตถึงจะมีการจุดประทัด ตนเกรงว่าชาวบ้านที่ได้ยินเสียงประทัด จะคิดว่ามีคนตาย จึงได้ออกมาร้องห้ามและถามว่าจุดทำไม
นางสม เล่าต่อไปว่า น.ส.ฝน ได้ร้องตะโกนสวนมาว่า “จุดงานมึงนั่นหล่ะ” หมายความว่า จุดให้ตนตอนตาย เดือดร้อนอะไร มึงตายอยู่เหรอ ถ้ามึงตายถึงเดือดร้อน จากนั้นก็ด่าว่าตนเป็นคนแก่เพราะเกิดนาน แก่ไม่มีหัวสมอง ด่าตนต่างๆนาน ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย และหัวเราะเยาะ เหมือนไม่ใช่ยายกับหลาน โดยมีลูกสาวของนางปูเป็นคนถ่ายคลิป และเชียร์ น.ส.ฝน ตนโมโหจึงใช้หนังสติ๊กยิงไป แต่หลานทั้งสองก็ยังหัวเราะเยาะ ตนจึงเดินลงจากบ้านไปหาหลานด้วยความโมโห
โดย น.ส.ฝน ได้เดินออกมาเอาหนังสติ๊กยิงบริเวณหน้าบ้าน น.ส.ฝนบอกว่าจะไปแจ้งตำรวจ แล้วถือท่อนไม้มาโยนใส่ตน แต่ตนหลบจึงไม่ถูก จึงใช้ท่อนไม้มาตีคืน จากนั้นก็จะตบตีและจิกผมกันตามคลิป โดยไม่มีใครเข้ามาห้าม มีแต่เสียงเชียร์ ไม่นานก็มีญาติเข้ามาห้าม และรับตนออกไปสงบสติอารมณ์อยู่ที่บ้านน้องชาย ขณะนั่งคุยกันกับน้องสะใภ้ นางปูซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็ก ได้ขี่รถจักรยานยนต์มากับสามี เข้ามาถามหาตนโดยพูดว่า “คนเก่งอยู่ไหน ทำไมคนเก่งต้องหนีหลบมาอยู่บ้านคนอื่น”
นางสม เล่าต่ออีกว่า จากนั้นก็เข้าทำร้ายตบตี แต่ไม่มีใครกล้าห้าม เพราะเข้าไปห้ามก็ถูกลูกหลง อีกทั้งยังมีลูกเขยยืนกันท่าอยู่ ตนสู้ไม่ได้เพราะนางปูได้ใช้ท่อนไม้ทุบตีตนบริเวณลำตัวและแขนจนเขียวช้ำ ตนสู้ ไม่ได้เพราะตนแก่และหมดแรง นางปูลูกสาวได้บังคับให้ตนกราบตีน ตนจึงยอมกราบตีนลูกต่อหน้าชาวบ้านและญาติที่มายืนมุงดู จนนางปูพอใจจึงชวนผัวกลับบ้าน หลังจากนั้นน้องชายกลับมาจากทำงาน จึงพาตนไปหาหมอ และนอนย่างไฟรักษาอาการฟกช้ำแบบโบราณ 2 คืน
หลังจากนั้นก็พาตนไปแจ้งความดำเนินคดีกับหลานและลูกที่ร่วมกันทำร้ายร่างตน แต่ก็ทราบมาว่าหลานสาวก็ไปแจ้งตำรวจเช่นเดียวกันว่าตนทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้บาดเจ็บที่แขน ต่อมาคลิปที่หลานสาวซึ่งเป็นลูกนางปูได้ถ่ายไว้ ได้แชร์ส่งไปในกลุ่มญาติพี่น้อง ต่อมา น.ส.น้ำ นามสมมุติ ซึ่งเป็นน้องสาวของ น.ส.ฝนที่ทำร้ายยาย เห็นคลิป จึงโมโหให้พี่สาวที่กล้าทำร้ายยาย จึงโพสต์ลงไปในเฟซบุ๊กทำให้มีคนดูจำนวนมาก
“ฉันรู้สึกเสียใจมากรักทั้งลูกและหลาน แต่ทั้งสองมาตบตีทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เสียใจมากจนร้องไห้ไม่ออก เพราะน้ำตามันตกลงในข้างในใจ ถ้าลูกและหลานสำนึกผิดมากราบขอขมา ก็จะไม่รับ ไม่อโหสิกรรม และขอตัดลูกตัดหลานนับตั้งแต่วันนี้ พร้อมกับสั่งลูกชายและลูกสาวไว้ว่า ถ้าแม่ตายห้ามลูกสาวคนเล็กและหลานคนนี้มาเผาผี หรือทำบุญหาเด็ดขาด”
ส่วนนางกุ้ง นามสมมุติ อายุ 40 ปี ลูกสาวของนางสม และเป็นแม่ น.ส.ฝน เล่าว่า ตนแยกทางกับสามีคนแรก มีบุตรด้วยกัน 4 คน น.ส.ฝน เป็นคนโต ตนเลี้ยงลูกคนนี้จนเรียนถึงชั้น ม.3 หลังแต่งงานก็ได้ไปอยู่กับสามีที่ จ.นครพนม เมื่อ 2 ปีก่อน น.ส.ฝน กลับมาบ้าน แต่ไม่ยอมอยู่กับยายและแม่ เพราะว่าเกลียดสามีใหม่ของตน จึงไปขออาศัยอยู่กับนางปูซึ่งเป็นน้า และไม่ยอมพูดกับตนอีกเลย และมักจะพูดจาดเสียดสีตนและสามีใหม่ตลอด ซึ่งตนก็ทนเอาไม่โต้ตอบ ส่วนนางปูน้องสาว ก็ไม่ถูกกับแม่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะรำคาญว่าแม่พูดมาก จึงมีปากเสียงทะเลาะกันตลอด แต่ไม่เคยถึงขั้นทำร้ายร่างกาย วันที่เกิดเหตุตนก็ไม่อยู่บ้าน ถ้าอยู่ก็จะเข้าห้ามไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นเด็ดขาด ในฐานะเป็นทั้งลูกและแม่ รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแต่ตนสอนลูกไม่ได้ ลูกไม่เชื่อฟัง ก็ได้แต่เสียใจ เพราะกลัวว่าลูกจะมีปาบติดตัวที่ทำร้ายยายอย่างนี้///////////