รวบตัว ! "แรงงานต่างด้าว" 19 ราย ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต
19 มิ.ย. 2563, 08:56
เมื่อคืน พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี พ.ต.ท.ชาตเวท พงษ์ศักดิ์ รอง ผกก.ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.ท.ศวัส โชติรณพัส สารวัตรตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และชุดสืบสวนตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี ได้นำรถยนต์ตรวจการณ์ไฟฟ้า อัจฉริยะ ตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 3 จันทบุรี ออกตรวจพื้นที่ตามนโยบายผู้บังคับบัญชาโดยให้เข้มงวดกวดขันจับกุมบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร และกระทำความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่มีโทษทางอาญา บนถนนสายจันทบุรี-สระแก้ว ช่วงบ้านทุ่งเพล ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ได้พบรถกระบะ โตโยต้า สีบอร์นทอง หมายเลขทะเบียน ผษ 3543 เชียงใหม่ มีนายสมพงษ์ ทองหว่าง อายุ 55 ปี เป็นคนขับ และรถกระบะ อีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน บว 3453 จันทบุรี มีนายเกรียงไกร ไกรพล อายุ 29 ปี เป็นคนขับ
และมีกลุ่มแรงงานต่างด้าวบนรถทั้งสองคัน รวม 19 คน นั่งอยู่ท้ายกระบะ ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุดรถ และขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวบุคคล หนังสือเดินทาง หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง โดยก่อนทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้แสดงความบริสุทธิให้ผู้ต้องสงสัยดูจนเป็นที่พอใจแล้ว และยินยอมให้ตรวจสอบ
ผลการตรวจสอบ พบบุคคลต้องสงสัยดังกล่าวนั้นไม่สามารถนำเอกสารใดๆ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ และรับสารภาพว่าตนเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ได้หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางจริง และมีความประสงค์จะเดินทางกลับบ้านในประเทศกัมพูชา แต่ด่านชายแดนยังปิดอยู่ แต่คนขับรถที่มารับอ้างว่าสามารถพากลับบ้านได้จึงรวมตัวกันและเสียเงินคนละ 2,000 บาท จากตัวเมืองจันทบุรี ส่งที่ชายแดนบ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนนายสมพงษ์ ทองหว่าง และนายเกรียงไกร ไกรพล คนขับรถยนต์ถูกแจ้งข้อกล่าวหาช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อพ้นจากการจับกุม ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรมะขามเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป