เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 22 มิ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวหลังจาก เรียกประชุมเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนางกัลยารัตน์ นิลอ่อน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดฯ รายงานกรณีลูกจ้างหญิง อายุ 28 ปี เป็นพนักงานจ้างสัญญาการทำงานครั้งละ 2 ปี ในตำแหน่งการเงินและบัญชี ซึ่งกระทำการยักยอกงบประมาณของทางราชการรวม 33 ล้านบาท

นายภิรมย์ ระบุว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการชัดเจนให้เป็นไปตามกฎหมาย และให้จังหวัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยมีปลัดจังหวัดทำหน้าที่ประธาน ซึ่งขณะนี้จังหวัดได้ดำเนินการในสองส่วน คือ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในองค์กร เรื่องวินัยมีระเบียบกฎหมายอยู่ ซึ่งหากหลักฐานปรากฏชัดเจนผิดวินัยร้ายแรงก็ให้ออกจากราชการ และในส่วนตำรวจได้ประสานกับผู้บังคับการตำรวจจังหวัดประจวบฯ ให้ร่วมดำเนินการสอบสวนโดยทำควบคู่กันไป ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามีเงินในบางส่วนที่เงินยังคาอยู่ในระบบยังไม่ได้ออกไป ซึ่งเคสนี้อาจจะเกิดจากความไว้วางใจเกินไป โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ดำเนินการชัดเจนอย่างไรก็ดีขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะสอบข้าราชการที่เกี่ยวข้องด้วย

 

 

 

นอกจากนี้ ได้คุยกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯแล้ว เพื่อให้ตำรวจดำเนินการสอบเส้นทางทางการเงินหากเส้นทางการเงินไปถึงที่ใครก็ต้องจับทั้งหมด ซึ่งเงินที่สูญหายไปนั้นเป็นเงินเหลือจ่ายแต่ละโครงการ และในระบบเช็ค เมื่อเช็คติดจึงได้มาเช็คดูย้อนหลัง นอกจากนี้ในเรื่องของระบบการเงินจะมีระบบอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ในแต่ระดับ แต่บางครั้งอาจจะทำด้วยความรวดเร็ว ซึ่งการสั่งการบางครั้งใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในเรื่องของเอกสารทางการเงินการคลังปกติจะไม่สแกน ใช้

ส่วนกรณีที่พ้นจากการตรวจสอบของ สตง.ได้ยังไงนั้น กระบวนการกำลังดูอยู่ ซึ่งจะต้องตามเส้นทางทางการเงินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องหากเกี่ยวข้องกับใครต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด