พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น ผลักดัน "ดักแด้จิ้งหรีดกระป๋อง - กาแฟขี้ช้าง" ส่งออกตลาดโลก
3 มิ.ย. 2562, 14:02
3 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่อาคาร Hall 8 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายศรัทธา คชพลายุกต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าระดับนานาชาติในประเทศ ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง :TASTE OF CENTRAL E-SAN Pavilion ภายในงานแสดงสินค้าอาหาร 2562 (THAIFEX World of Food Asia 2019) โดยมีจุดมุ่งหมายในการร่วมมือ และผลักดันสินค้าจากกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางพัฒนาสู่สากลเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนความมั่งคั่งของประเทศไทย ตาม “โมเดลประเทศไทย 4.0” ที่ตั้งเป้าหมายให้เกิดการปรับเปลี่ยนภาคการเกษตรไทยจาก “เกษตรแบบดั้งเดิม” ไปสู่ “เกษตรอุตสาหกรรม” และก้าวไปสู่ “เกษตรบริการ หรือธุรกิจเกษตร” ที่มีการใช่นวัตกรรมเป็นหลักในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทย
นายศรัทธา คชพลายุกต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สำหรับ กลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ ประกอบด้วย 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนแกลาง คือจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ในการแสดงสินค้าอาหารในครั้งนี้มีผู้ประกอบการนำสินค้ามาแสดงจำนวน 16 ราย และนิทรรศการแนะนำและประชาสัมพันธ์สินค้าเพื่อให้เป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร เชื่อมโยงการบริการ ทางท่องเที่ยว และโลจิสต์ติกส่” ตามวิสัยทัศน์ของกลุ่มจังหวัดเนื่องจากจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางมีภูมิภาคที่เป็นเมืองเศรษฐกิจ ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนและการบริการ
เป็นศูนย์กลางของการรวมกลุ่มเศรษฐกิจที่สำคัญอันจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจครอบคลุมนโยบายและความสัมพันธ์อันดีกับประเทศในอนุภาคลุ่มน้ำโขง (GMS-EC) 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว พม่า เวียดนาม จีนตอนใต้ และไทยโดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้า การลงทุน การบริการ การคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยวในภูมิภาคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ในกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคและภูมิภาคประสงค์ที่จะให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจด้านการค้าและการลงทุน
กาแฟขี้ช้าง
ไตรรงค์ สร้างผล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ช้างทองคำ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ 212 หมู่ 1 ตำบลนาข่า อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า กาแฟขี้ช้าง เป็นกาแฟของคนไทย เป็นกาแฟออแกนิคที่ต้องการเผยแพร่ไปสู่ตลาดโลก กาแฟขี้ช้างคือ การนำเอากาแฟที่เป็นออแกนิคมาให้ช้างกิน หลังจากที่ผ่านกระบวนการย่อยของช้างถ่ายมูลออกมา นำกาแฟไปล้าง ไปทำการฆ่าเชื้อ ก่อนที่จะนำผลกาแฟไปบ่ม 2-5 ปี แล้วค่อยนำกาแฟออกมาสี และนำไปคั่ว ถึงจะได้เป็นการแฟขี้ช้าง และอีกอย่างหนึ่งรายได้ที่เราจำหน่ายกาแฟจะนำไปช่วยเหลือช้างไทย ที่ศูนย์อนุรักช้างไทยที่ตั้งอยู่ ตำบลนาข่า อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งได้จัดตั้งเป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างไว้ให้เด็กไทยได้เข้าไปชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
กาแฟขี้ช้างจะแตกต่างจากกาแฟชนิดอื่นมาก ไม่ว่าจะเป็นขบวนการผลิต และรสชาติ ถ้าเราเปรียบเทียบกาแฟทั่วไปที่เราเคยดื่มมา กาแฟปกติจะมีรสชาติออกไปทางขม ๆ ฝาด ๆ หรือเปรี้ยว แต่รสชาติของกาแฟขี้ช้างจะไม่เปรี้ยว ไม่ขม ไม่ฝาด แต่จะมีขมเล็กน้อย เมื่อเราจิบน้ำเย็นตามมันจะหวานตรงขอบลิ้น โดยจะมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของขี้ช้างอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าเอาขี้ช้างมาทำกาแฟ โดยขบวนการผลิตเรานำกาแฟสดให้ช้างกิน ซึ่งขณะนี้มีวางจำหน่ายอยู่ที่ห้างเดอะมอลล์พารากอน เป็นกาแฟดิ๊ฟ ส่วนกาแฟสดมีจำหน่ายอยู่ที่ นาข่า กับ นาดูน จังหวัดมหาสารคาม
ส่วนทางด้านของ นางสาวพรกมล ถวิลการ ผู้จัดการ บริษัทภูฟาร์ม จำกัด ตั้งอยู่ 88 หมู่ 7 บ้านหนองสังข์ ต.หนองนาจาน อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ แมงสะดิ้งทอดกรอบ ดักแด้ไหมทอดกรอบ อัดกระป๋อง กล่าวว่าในการทำผลิตภัณฑ์แมงบรรจุกระป๋องเกิดจากการทำการวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งมีแนวคิดที่จะช่วยชาวบ้านในการนำวัตถุดิบที่ชาวบ้านได้มาจากการทำไหมเหลือมา แล้วเราก็เอามาแปรรูปเพื่อให้ได้ผลิตภั้ณฑ์ที่มีอายุยาวนานขึ้น
ในการวิจัยและคิดค้นกว่าจะลงตัวก็ผ่านขันตอนหลายขั้นตอนมาเป็นแรมปี ผ่านการวิจัยคุณภาพ และการทดสอบคุณภาพมาเยอะมาก ซึ่งวัตถุดิบพวกดักแด้รับมากจาเกษตรกรที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมโดยตรง โดยตรงออกหารับซื้อจากชาวบ้าน โดยตลาดนั้นเราได้มีการจำหน่ายทางเว็ปไซด์ สามารถสั่งออเดอร์ได้ ทั้งในและต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดคือดักแด้กระป๋อง และแมงสะดิ้ง โดยสามารถเก็บไว้นานได้เป็นปี แต่ถ้าหากเปิดกระป๋องแล้วถ้าทิ้งไว้นานความกรอบก็จะลดลง
ส่วนทางด้าน คุณไลลาลิต สุคนธารัตนสุข ประธานและเจ้าของบริษัท Lallalit Agri Foods.Co.,ltd ตั้งอยู่เลขที่ 281/1 หมู่ 5 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวถึงผลิตภัณฑ์โปรตีนผงจากจิ้งหรีดว่า จากการทำการวิจัยกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่องผลิตภัณฑ์โปรตีนจากจิ้งหรีด นำมาสกัดเป็นผง เพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบของอาหาร โดยจิ้งหรีดผงนี้จะมีโปรตีนมากกว่าเนื้อว่าถึง 45.87g ซึ่งขั้นตอนของการได้มาจะนำแมลง หรือจิ้งหรีดนั้นมาทำการอบให้แห้งแล้วแปรรูปให้เป็นผง ซึ่งวัตถุดิบจะทำการเพาะจิ้งหรีดเลี้ยงเอง และสั่งตามเกษตรผู้เลี้ยงขิ้งหรีดตามคุณภาพของฟาร์มด้วย โดยส่วนใหญ่ลูกค้าที่สั่งออร์เดอร์เข้ามาโดยเฉพาะจากต่างประเทศ จะนำโปรตีนจากจิ้งหรีดไปเพิ่มในอาหารหรือสินค้าของพวกเขาด้วย