มท.2 กำชับผู้ว่าฯ ปภ.ประสานคุมจุดเสี่ยง-จราจรแออัด ช่วงปชช.เดินทางกลับหลังหยุดยาว
6 ก.ค. 2563, 20:35
วันนี้ ( 6 ก.ค.63 ) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 วันนี้ จะเป็นช่วงที่ประชาชนมีการสัญจรกลับมาทำงาน หลังจากในช่วงวันหยุดยาวได้เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือ ท่องเที่ยวพักผ่อน จึงทำให้การจราจรของรถบนถนนในเส้นทางขากลับเข้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่มมีความหนาแน่นมากขึ้น รวมถึงเส้นทางที่เป็นสถานที่พักผ่อนที่ได้รับนิยมจากนักท่องเที่ยว อาทิ เส้นทางท่องเที่ยวทางทะเลทั้งทะเลภาคตะวันออก, อ่าวไทย, อันดามัน ตลอดจนเส้นทางภูเขาในภาคเหนือ จะมีปริมาณรถมาเป็นพิเศษทำให้อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ซึ่งเรื่องดังกล่าว รมช.มท.ได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีเส้นทางเชื่อมระหว่างภาค เช่น จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสระบุรี ที่มีเส้นทางเชื่อมกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เส้นทางเชื่อมกับภาคเหนือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดสมุทรสาคร ที่เส้นทางเชื่อมกับภาคใต้ รวมถึงในเขตจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและได้รับความนิยมเดินทางไป โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าว ได้ประสานงานร่วมกับตำรวจทางหลวง ตำรวจในพื้นที่ รวมถึง เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง และ แขวงทางหลวงชนบท ได้อำนวยความสะดวกสำหรับเส้นทางเดินทางกลับของผู้ใช้รถใช้ถนน เช่น การตรวจสอบสัญญาณจราจร ไฟเตือนในจุดเสี่ยงบนถนน การจัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อระบายรถในจุดที่ถนนคับแคบ รวมถึง การประสานงานร่วมกับหน่วยช่วยเหลือฉุกเฉิน อาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัยต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมช่วยเหลือหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยให้ดำเนินการไปตามแผนรับมือและเผชิญเหตุตามที่ได้มีการสั่งการไปก่อนหน้าอย่างครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม ทุกการปฏิบัติทั้งหมดตามแผนก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด
นายนิพนธ์ รมช.มท. กล่าวว่า "จากข้อมูลของ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด พบว่า การเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นมา จนถึง ปัจจุบัน มีจำนวนการเกิดอุบัติเหตุแล้วกว่า 489,246 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 481,650 ราย และ มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7,596 ราย ตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุอยู่ในเกณฑ์ที่สูงอย่างน่ากังวล เพราะผ่านมาแค่ครึ่งปีคนไทยเสียชีวิตบนท้องถนนไปแล้วกว่า 7,500 ราย สาเหตุหลัก คือ การขับรถเร็ว และการเมาแล้วขับรถ และซึ่งส่วนใหญ่อุบัติเหตุเกิดจากรถจักรยานยนต์ เป็นอันดับ 1 ดังนั้น จึงขอความร่วมมือไปยัง จนท.ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ช่วยกวดขัน เพื่อป้องกันเหตุให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกัน สิ่งสำคัญ คือ ขอฝากย้ำเตือนไปยังพี่น้องประชาชนในเรื่องของการใช้รถใช้ถนนต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพราะไม่มีใครต้องการให้เกิดการสูญเสียขึ้น ต้องการให้ทุกคนได้ใช้เวลาช่วงหยุดยาวนี้เป็นช่วงเวลาของความอบอุ่นและความสุขของทุกคน"