คืบหน้า !! "ไฟปริศนา" พุ่งจากใต้ดิน ยิ่งฉีดน้ำไฟยิ่งลุก "ผอ.อุตสาหกรรม" แนะปชช. อย่าเข้าใกล้
13 ก.ค. 2562, 08:50
จากกรณีไฟปริศนาที่ลุกไหม้ใต้ดิน ริมหนองน้ำหนองมัด ที่ หมู่ 9 บ้านเชียงพิณ ต.เชียงพิณ อ.เมือง ติดที่นาปลูกหญ้าเลี้ยงวัว ของ นางปัทมา พิมพ์สาลี อายุ 62 ปี ซึ่งไฟลุกไหม้อยู่ใต้ดิน เป็นเวลานานกว่า 5 เดือน มีควันสีขาวฟุ้งกระจายออกมา มีกลิ่นเหม็นเหมือนกำมะถันไหม้ ซึ่งทาง ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.เชียงพิณ ได้เปิดหน้าดิน นำรถน้ำฉีดดับไฟใต้ดิน พร้อมขุดร่องกว้างประมาณ
ผู้สื่อข่าว ONBNews รายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 ถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยได้เดินทางไปยัง สนง.อุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 2 อุดรธานี ต.โนนสูง อ.เมือง พบกับ นายยุทธศิลป์ รักญาติ ผอ.สนง.อุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 2 อุดรธานี เพื่อขอทราบความคืบหน้า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานฯ ได้ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบเบื้องต้น
นายยุทธศิลป์ รักญาติ ผอ.สนง.อุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 2 เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ สนง.สิ่งแวดล้อมภาค 9 ได้นำตัวอย่างก้อนดินสีดำ ที่นำมาจากจุดที่ไฟไหม้ใต้ดิน บอกว่าดินนี้ติดไฟได้ ซึ่งตนได้ดูตามกาพภาพของตัวอย่างดิน ที่มีสีดำคล้ายถ่าน มีกลิ่นกำมะถัน และกลิ่นโคลน และบอกว่าขุดขึ้นมา ที่สักษณะเหมือนดินที่เป็นซากทับถมของซากพืชซากสัตว์ในแอ่ง แล้วกลายเป็นถ่านหินคุณภาพต่ำ หรือ PEAT โดยอาจจะลุกติดไฟได้ กรณีที่มีการเผาไหม้ หรือมีสภาวะที่พร้อมจะติดไฟ ซึ่งเมื่อดินเกิดการเผาไหม้ใต้ดินไปแล้ว ก็อาจจะเกิดเป็นโพรงใต้ดิน หรือสัตว์ตกลงไปอาจได้รับอันตราย
“ส่วนการป้องกันเบื้องต้น ควรนำดินมาถมปิดแล้วบดอัดให้แน่น เพื่อไม่ให้ถ่านหินสัมผัสอากาศหรือออกซิเจนมาช่วยการสันดาบลุกไหม้ขึ้นมาอีก ทั้งนี้ในส่วนของ อบต.ท้องถิ่น หากจะขอความร่วมมือแก้ไขและตรวจสอบ ควรจะทำหนังสือไปยัง สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ทสจ.อุดรธานี เพื่อให้ทาง ทสจ.ส่งเรื่องต่อไปยังกรมทรัพากรธรณี ได้ตรวจสอบให้ชัดเจนว่า สภาพทางธรณีเป็นอย่างไร ดินที่ติดไฟเป็นอะไรแน่ ทำไมดินถึงลุกติดไฟได้ ผมในฐานะตัวแทนของอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต 2 เรามีนักธรณีวิทยา แต่ว่าจะดูด้านของเหมืองแร่ ยินดีที่จะให้ความร่วมมือเบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”
นายยุทธศิลป์ฯ กล่าวอีกว่า ความเห็นส่วนตัวของตน ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณีมาดูให้ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร การป้องกันเบื้องต้น ทาง อบต.เชียงพิณ ที่ดูแลพื้นที่ ควรกำหนดขอบเขตป้องกันให้ชัดเจน และป้ายเตือนชาวบ้าน เข้าไปบริเวณดังกล่าว และหาวิธีดับไฟเบื้องต้น ด้วยการนำดินมาบดอัดให้แน่น ส่วนควันที่พวยพุ่งออกมา จากซากที่ตกตะกอน มันจะมีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ ซึ่งกลิ่นจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจบ้าง
“ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารที่เกิดจากการเผาไหม้ ควรจะเลี่ยงไม่สูดดม หรือหาหน้ากากอนามัยมาสวมใส่ หากกลิ่นรุนแรงก็อาจจะระคายเคืองต่อระบบหายใจ โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นภูมิแพ้ หากสัมผัสผิวหนัง อาจะเกิดระคายเคืองแสบคันได้ ที่สำคัญในการดับไฟ คือ ห้ามใช้น้ำฉีดดับไฟที่บริเวณดังกล่าว เพราะนำจะทำปฎิกิริยา ทำให้ไฟลุกไหม้มากขึ้น และจะทำให้ดเกิดควันมากขึ้น ส่วนน้ำในหนองน้ำต้องวัดค่าความเป็นกรดด่าง เพราะว่าหนองอยู่ติดกับจุดไฟไหม้ ที่อาจจะซึมลงใต้ดินเข้าไปในหนองน้ำ จึงยังไม่ควรนำน้ำในหนองหมัดมาใช้อุปโภคบริโภค หรือทำการเกษตร”
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพื้นที่ที่ริมหนองน้ำหนองหมัดอีกครั้ง พบว่าที่บริเวณดังกล่าว ยังคงเกิดควันสีขาวจากการลุกไหม้ใต้ดินเหมือนเดิม และยังมีกลุ่มควันขึ้นเพิ่มอีก 1 จุด ที่บริเวณใต้ต้นขี้เหล็กริมหนองน้ำ ห่างจากจุดที่ไฟไหม้เดิมประมาณ