วันที่ 12 กรกฎาคม 2563 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า นพ.ศักดิ์สิทธิ์ บุญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ผู้ผ่าชันสูตรศพน้องชมพู่คนแรก ได้เปิดผลการชันสูตรอย่างละเอียด ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯของรัฐสภา

โดยระบุว่า จากการชันสูตรศพน้องชมพู่ เวลา 14.00 น. วันที่ 15 พ.ค.63 พบเพียงร่องรอยที่อาจเกิดจากการขีดข่วนของกิ่งไม้กระจายเป็นกลุ่ม พบมาสุดที่แผ่นหลัง - เหนือข้อเท้าซ้าย ซึ่งเกิดขึ้นตอนยังมีชีวิต ส่วนอวัยวะภายในมีหลายส่วนเริ่มเน่าจนพิสูจน์ไม่ได้ 

ส่วนสมองและปอด ไม่พบความผิดปกติที่เกิดจากการทำร้าย กระโหลกศีรษะไม่มีรอยแตกร้าว คอไม่หัก ไม่มีรอยฟกช้ำ กระเพาะอาหารไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่ มีเพียงของเหลว 10 มิลลิลิตร ที่อวัยวะเพศไม่พบร่องรอยการละเมิด และหากไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย ก็เป็นไปได้ว่าน้องชมพู่หลงป่าจนขาดน้ำ-อาหาร จนเสียชีวิต 

 

 

 

นอกจากนี้ แม่ของน้องชมพู่ ได้เผยว่า ที่ศพของน้องชมพู่ มีรูขนาดใหญ่ลึก 5 ซม. ตนมองว่าไม่ใช่การกดทับของศพเพราะลูกน้ำหนักแค่ 9.5 กก. ในส่วนของรูที่เกิดข้อสงสัยนี้ นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว เผยว่า ศพของน้องชมพู่ได้ถูกเผาไปแล้ว ดังนั้นจากการดูรูปแล้ววิเคราะห์ค่อนข้างยากพอสมควร แต่ส่วนตัวคิดว่าเกิดขึ้นหลังเสียชีวิต เพราะไม่มีเลือดออก เช่น เมื่อน้องชมพู่เสียชีวิต อาจทับหินแหลม หรือไม้ เป็นเวลานานจนเกิดรอยบุ๋ม เพราะเนื้อของผู้ตายเวลาถูกอะไรทิ้มก็จะไม่เด้งกลับมาเหมือนคนมีชีวิต และถ้าดูจากภาพก็ยาก ต้องผ่าพิสูจน์เพื่อเห็นเนื้อเยื้อภายใน ถึงจะวิเคราะห์ได้ แต่ให้ตัดเรื่องกระสุน -มีดแทง เพราะไม่มีการฉีกขาด คิดว่าไม่มีผลต่อการเสียชีวิต หรือการทำร้ายร่างกาย  ทางแพทย์ชันสูตรก็ไม่ได้ปล่อยผ่านไปเพราะต้องดูร่องรอยตามศพทุกจุดอย่างละเอียด