เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ครูสาว หดหู่จับใจ ออกเยี่ยมบ้านเห็นภาพชีวิตกลางหุบเขาของศิษย์ตัวน้อย วอนผู้ใจบุญเมตตาช่วยเหลือ


16 ก.ค. 2563, 12:13



ครูสาว หดหู่จับใจ ออกเยี่ยมบ้านเห็นภาพชีวิตกลางหุบเขาของศิษย์ตัวน้อย วอนผู้ใจบุญเมตตาช่วยเหลือ




ในโลกสังคมออนไลน์ขณะนี้ ต่างพากันแชร์ส่งต่อโพสต์จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ภิญญดา หิมวรรณวงษ์  คุณครูโรงเรียนบ้านคลองสระ ตำบลคลองสระ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งได้ออกโพสต์ขอสนับสนุนเสื้อผ้านักเรียน กางเกงนักเรียน รองเท้า ถุงเท้า จากผู้มีอุปการะคุณ ให้กับเด็กนักเรียนเรียนดี แต่ฐานะยากจน อย่าง เด็กชายตะวัน แก้วดำ เด็กน้อยที่มีชีวิตยากไร้ อาศัยอยู่ท่ามกลางหุบเขา ที่บ้านไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าใช้ 

โดยครูสาวได้โพสต์เล่าว่า เด็กชายตะวัน แก้วดำ อ่านสักนิดนะคะ สตอรี่ของเด็กชายตัวเล็ก ๆ เรื่องเล่าเย็นวันจันทร์ ครูออกเยี่ยมบ้าน เด็กชายตะวันอาสาพาครูเมย์ และครูเจินไปเยี่ยมบ้านของเพื่อน ๆ ในละแวกบ้านใกล้เคียงของตัวเอง เราออกเดินทางไปยังบ้านสวนปราง ต.คลองสระ เวลา 16.00 น. เราผ่านห้วย เหว ภูเขาลำเนาไพร รวมถึงข้ามน้ำข้ามคลองกัน จนเยี่ยมบ้านหลังที่ 1 2 3 4 และ 5 สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ถึงเวลาต้องไปส่งเด็กน้อยผู้อาสาพาครูไป
 



บทสนทนา ระหว่างทางไปบ้านของตะวัน
ครูเมย์ : บ้านตะวันอยู่ใกล้ไหมคะ (คำแรกที่ครูผู้หญิง 2 คน กับรถเก๋งโหลดต่ำคู่ใจถาม)

ตะวัน : ครูครับ เดี๋ยวครูส่งผมที่ถนนลาดปูนก็พอ รถครูต่ำมันขึ้นไม่ได้แน่ ถนนก็ลำบาก ไกลอีก

ครูเจิน : แล้วตะวันอยู่กับใคร

ตะวัน : พ่อกับแม่ครับ

ครูเมย์ : พ่อกับแม่ทำงานอะไร แล้วทำไมมาอยู่ในหุบเขาแบบนี้

ตะวัน : พ่อกับแม่รับจ้างครับ มาอยู่บนนี้ไม่มีค่าเช่าบ้าน แต่ไม่มีไฟใช้ครับครู

ครูเมย์ : ไฟเข้าไม่ถึงเหรอ

ตะวัน : คนก่อนที่มาอยู่ เขาไม่จ่ายค่าไฟครับ เขาบอกแม่ว่าถ้าอยากใช้ไฟ ต้องเอาตังค์ไปจ่ายเกือบ 2,000 ครับ

ครูเมย์ และครูเจิน เงียบกันไปพักหนึ่ง และเมื่อเราทั้ง 2 คน ตัดสินใจกันแล้วว่าไกลแค่ไหนต้องไปให้ถึง ให้เห็นกับตา ถึงจะลำบากก็ไม่กลัว

ตะวัน : ถึงแล้วครับบ้านผม

ครูเมย์ : สองข้างทางมีแค่ป่า กับภูเขา ไม่เห็นบ้านสักหลัง ฝนก็เริ่มตกหนัก

ตะวัน : รถลงไม่ได้ครับ ต้องเดินเข้าไป บ้านไม่มีไฟ ครูกลับก่อนก็ได้ ไม่เป็นไรครับ

ครูเจิน : ไป มาแล้วต้องไปให้ถึง

เราสองคนเดินเท้าลงไป ลงเขา ขึ้นเขา ทางลาดชัน ฝนตกโปรย ๆ ต้องหลบหลีกทางที่ลื่นไหล จนถึงบ้านตะวัน

ครูเจิน : ไม่มีใครอยู่เลยไปไหนกันหมด (ขณะนั้นเวลา 18.20 น.)

ครูเมย์ : ทำไมแม่ไม่หาบ้านเช่าแถว ๆ โรงเรียนล่ะตะวัน

ตะวัน : หาแล้วครับ 3 วันแล้ว ไม่มีบ้านว่างเลย ที่มีก็เดือนละ 2,000 - 3,000 บางวันแม่มีไม่ถึงร้อยครับครู

ครูเมย์ : ลูกเอ๋ย ตั้งใจเรียนนะตะวัน สักวันเราต้องมีในสิ่งที่เราไม่เคยมี ตั้งใจเรียนหนังสือ โตขึ้นจะได้มีงานดีดีทำนะ

ตะวัน : ก่อนเปิดเทอมแม่พาผมไปซื้อรองเท้า แต่มีเงินไปไม่พอ เห็นราคาแล้วก็กลับบ้านครับ (น้ำตาของเด็กผู้ชายคนหนึ่งไหล พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เจอออกมาด้วยความหดหู่ใจ)


ครูเมย์ : ได้เงินมาโรงเรียนวันละเท่าไหร่ตะวัน

ตะวัน : 30-40 บาทครับครู บางวันก็.....

ครูเมย์ : วันไหนไม่มีตังค์กินขนมมาเอาจากครูนะ
ครูเจิน : เราไปรอแม่ที่รถครูดีกว่า น่าจะปลอดภัยด้วย

18.50 น. พ่อแม่ของตะวันกลับมาจากไปรับจ้างขึ้นตัดสะตอ ขับรถสวนทางกัน ความมีน้ำใจของพ่อ ส่งสะตอให้ครู พร้อมกับยิ้มแล้วบอกว่า ขอบคุณครับที่มาส่งลูก

เรื่องราวเหล่านี้สอนให้เรารู้ว่าเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่สิ่งที่จะทำให้เราก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ นั่นคือ โอกาส
...โอกาสแรกที่ได้รับคือการเลี้ยงดู และส่งให้เรียนหนังสือจากผู้เป็นพ่อ และแม่
...โอกาสที่สองคือ ครูผู้เปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สองที่คอยให้ความรู้ สอนเรียน เขียน อ่าน ด้านการศึกษา
...ส่วนโอกาสที่สาม มาจากความมานะ พยายามของเด็กชายตะวันผู้ซึ่งเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้

แม้วันนี้โอกาสดีดีหลาย ๆ เรื่อง อาจจะยังมาไม่ถึง แต่ครูขอเป็นกำลังใจ แรงใจ ในการส่งเธอให้ถึงฝั่งอีกก้าวหนึ่ง โดยขอรับบริจาคเสื้อผ้านักเรียน กางเกงนักเรียน รองเท้า ถุงเท้า จากผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่ให้น้องด้วยคำว่า โอกาสที่มอบด้วยใจ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงนะคะ ติดต่อทางแชทครูเมย์ ภิญญดา หิมวรรณวงษ์ ได้เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกน้ำใจ ที่มอบให้เด็กชายตะวัน






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.