จากข่าวที่ปรากฏ กรณีการบินพลเรือนจีน ระงับเที่ยวบินจาก 2 สายการบินของไทย ได้แก่ไลอ้อนแอร์ และไทยแอร์เอเชีย ห้ามบินเข้าจีน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ นับตั้งแต่ 20 กรกฎาคม เป็นต้นไป หลังพบผู้โดยสารของทั้ง 2 สายการบิน ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ล่าสุด สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ทำการตรวจสอบรายละเอียด พบว่า ทั้ง 2 สายการบิน ในกรณีที่เกิดขึ้น คือ Air AsiaX ต้นทางจากมาเลเซีย และ Thai Lion Air ต้นทางจากอินโดนีเซีย ผ่านประเทศไทยไปยังเมืองเทียนจิน และกวางโจวของจีนตามลำดับ​ ซึ่งทางการของจีนมีข้อกำหนดว่าการบินเข้าประเทศจีนในกรณีนี้เป็นเที่ยวบินเช่าเหมาลำ​ (ชาร์เตอร์ไฟลท์)​ ต้องดำเนินการโดยสายการบินที่ได้รับอนุญาตให้บริการตามเส้นทางปกติอยู่แล้วเท่านั้น

โดยในการปฎิบัติการบิน สายการบินทั้ง​ 2 สาย ได้ตรวจสอบเอกสารใบรับรองแพทย์ที่แสดงว่าผู้โดยสารผ่านการตรวจเชื้อโควิด-19 จากสนามบินต้นทางแล้ว จึงนำขึ้นเครื่อง

เมื่อถึงสนามบินปลายทางรัฐบาลจีนได้มีการตรวจซ้ำในช่วงที่ผู้โดยสารถูกกักตัวใน State Quarantine และพบว่ามีผู้โดยสารที่ติดเชื้อโควิด ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขของกรมการบินพลเรือนของจีน ถ้าสายการบินใดนำผู้โดยสารเข้าประเทศแล้วพบการติดเชื้อ สายการบินนั้นจะถูกลงโทษ โดยให้งดการบินในเส้นทางนั้นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ถ้ามีผู้โดยสารติดเชื้อต่ำกว่า 10 คน และให้งดการบินเป็นเวลา 4 สัปดาห์หน้าถ้ามีการติดเชื้อมากกว่า 10 คน​ ดังนั้น​ สายการบินทั้งสองซึ่งมีผู้โดยสารติดเชื้อต่ำกว่า 10 คน จึงต้องถูกสั่งให้งดบินเป็นเวลาสายการบินละ 1 สัปดาห์

ซึ่งผู้โดยสารทั้งสองเที่ยวบินดังกล่าวเป็นผู้โดยสารสัญชาติจีน เดินทางกลับประเทศจีน มีการเดินทางผ่านประเทศไทยเพื่อการเติมน้ำมันเท่านั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือลูกเรือออกจากเครื่องแต่อย่างใดทั้งสิ้น

และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา กพท. จะออกแนวปฏิบัติสำหรับสายการบิน และสนามบินที่ให้บริการระหว่างประเทศโดยรวบรวมแนวปฏิบัติของ ICAO WHO และกฎระเบียบของไทย ซึ่งจะครอบคลุมถึงการให้บริการทั้งแบบประจำ และเช่าเหมาลำในวันที่ 16 กรกฎาคม นี้